พ่อแม่ที่มีลูกกำลังอยู่ใน 'วัยรุ่น' (Teenage) จำนวนไม่น้อย ต้องนั่งกุมขมับกับพฤติกรรมที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปของลูกๆ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น แต่เมื่อวัยของเขาล่วงเลยไปพฤติกรรมที่พ่อแม่เห็นว่ามันแปลกๆ ก็จะหายไปเอง ซึ่งวัยรุ่นเป็นวัยที่ความต้องการสารอาหารต่างๆ มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงในวัยเด็ก เพราะร่างกายของเด็กวัยรุ่นต้องการสารอาหารเพื่อใช้ในการพัฒนาทั้งทางด้านสมอง สายตา และความแข็งแรงของร่างกาย
เสริมสติปัญญาและสายตาและสุขภาพของวัยรุ่น...ให้ดีได้อย่างไร
สมองของเด็กหลังคลอดทุกคนจะมีรูปแบบเหมือนกัน โดยแบ่งเป็น 2 ซีก คือ สมองซีกขวา ซึ่งเป็นส่วนจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จะพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7 ปี ส่วนสมองซีกซ้าย เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผลจะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี และสมองทั้งสองด้านจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ 11-13 ปี แต่สิ่งที่ทำให้เด็กแต่ละคนมีไอคิวที่ต่างกัน คือ วิธีการส่งเสริมการเรียนรู้ การอบรมเลี้ยงดู เซลล์สมองที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันจะถูกทำลาย ซึ่งประสิทธิภาพของสมองส่วนนั้นก็จะขาดหายไป เช่น การคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อย่างเช่น คนไทยสมองส่วนนี้จะหดหายไป เพราะเราไม่ได้กระตุ้นให้เด็กฝึกคิด
สารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของวัยรุ่น ได้แก่
1. ดีเอชเอ หรือ Docosahexaenoic acid (DHA)
เป็นกรดไขมันจำเป็น ชนิดไม่อิ่มตัวในกลุ่ม Omega-3 DHA เป็นส่วนประกอบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเซลล์สมองและประสาทตา ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า 40% ของกรดไขมันในสมอง และ 60% ของกรดไขมันในประสาทตา คือ DHA ประโยชน์ของ DHA ในการพัฒนาสมองและสายตาของเด็กวัยรุ่น
ช่วยพัฒนาสมองและสายตา
ช่วยในการเรียนรู้ เสริมความจำ
ช่วยป้องกันการเกิดโรคสมาธิสั้น เสริมให้มีสมาธิดีขึ้น
ช่วยป้องกันปัญหาการเรียนรู้ช้า ทั้งการอ่านและการเขียน
2. เลซิติน (Lecithin) และ โคลีน (Choline)
สารโคลีนในเลซิตินจำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายจะนำโคลีนไปใช้เป็น วัตถุดิบในกระบวนสร้างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ใช้ในการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ระหว่างเซลล์ประสาทและเนื้อเยื่อประสาท และเลซิตินยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ในเนื้อเยื่อของอวัยวะสำคัญๆ เช่น สมอง ตับ หัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ซึ่งมีเลซิตินเป็นส่วนประกอบถึง 30% ประโยชน์ของเลซิติน ในการพัฒนาสมองของเด็กวัยรุ่น
ช่วยเสริมพัฒนาการสมอง การพูด การเคลื่อนไหว
ช่วยในการเรียนรู้ เสริมสร้างความจำที่ดี ควบคุมและส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท
ช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเรียนหนังสือ
อาหารแบบไหน ช่วยบำรุงสายตาวัยรุ่น...วัยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีกับวัยรุ่น
โลกปัจจุบันเทคโนโลยีด้านต่างๆ พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและส่งผลต่อวัยรุ่นโดยเฉพาะ เทคโนโลยียอดนิยมในสังคมตอนนี้คงต้องยกให้คอมพิวเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ อินเตอร์เน็ต รวมถึงแอพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์มากมาย แต่ในทางกลับกันก็กลายเป็นมหัตภัยทำร้ายสุขภาพ โดยเฉพาะ 'สายตา' ถ้าไม่มีการป้องกันที่ดีพอ จึงพบปัญหาเด็กสายตาสั้น ตาพร่ามัว และประสาทตาเสื่อมก่อนวัยอันควร ซึ่งสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาจึงมีบทบาทที่สำคัญ เพราะสายตาที่ดีย่อมส่งผลให้เด็กวัยรุ่นมีความพร้อมในการพัฒนาด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงสายตาของวัยรุ่น ได้แก่
1. สารกลุ่มคาร์โรทีนอยด์ (Carotenoid)
เป็นสารประกอบจากธรรมชาติที่มีอยู่ในผัก และผลไม้ เช่น ฟักทอง แครอท บรอกโคลี ซึ่งคาร์โรทีนอยด์ที่สำคัญ เช่น Alpha-carotene, Beta-carotene, Lutein, Zeaxanthine, Cryptoxanthine และ Lycopene โดยสารคาร์โรทีนอยด์จะเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน เอ และถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายเท่าที่ร่างกายต้องการ สารอาหารนี้จะมีประโยชน์กับวัยนี้ก็คือ
ช่วยการเจริญเติบโตของร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง ตา จมูก และอวัยวะภายใน
ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อโรค
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คอยปกป้องเซลล์และอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทตา สายตา ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน (Night blindness)
2. ลูติน (Lutein) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthine)
เป็นสารประกอบกลุ่มคาร์โรทีนอยด์ ซึ่งสามารถพบได้ในลูกตา และพบมากที่สุดบริเวณจุดศูนย์กลางของเรตินาภายในลูกตา ที่เรียกว่า มาคิวลา (Macula) ซึ่งลูตินจะเป็นส่วนประกอบของชั้นวัตถุสีเหลืองในตา โดยสองสารอาหารสำคัญนี้จะให้ประโยชน์กับวัยรุ่นก็คือ
มีส่วนช่วยดูดซับแสงสีน้ำเงินในแสงแดด แสงจากจอคอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อดวงตา
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเรตินาและเลนส์ตา จึงช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
อาหารแบบไหน ช่วยบำรุงร่างกายวัยรุ่น...วัยเจริญเติบโต
วัยรุ่นต้องการวิตามินและแร่ธาตุมากเป็นพิเศษ เพราะเด็กวัยรุ่นมีการเจริญเติบโตที่เร็วมากและมีการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายตามธรรมชาติในเรื่องของเพศและอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ เด็กผู้ชายมักมีการเติบโตทางกล้ามเนื้อและกระดูกและมักกระฉับกระเฉงว่องไวมากกว่าเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็มีการเติบโตทางกล้ามเนื้อและกระดูกเช่นกัน นอกจากนี้เด็กผู้หญิงยังต้องการสารอาหารพิเศษ เพื่อเตรียมการในการมีประจำเดือนอีกด้วย
วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของวัยรุ่น ได้แก่
1. วิตามิน B1 (Thiamin)
จะช่วยในการเผาผลาญอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต เพื่อไปใช้เป็นพลังงานแก่ร่างกายจำเป็นต่อสมอง กล้ามเนื้อ หัวใจ ระบบประสาท เสริมสร้างความคิดที่ฉับไว
การขาดวิตามิน B1ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
เป็นโรคเหน็บชา อาจพบอาการชาทั้งมือและเท้า กล้ามเนื้อแขนและขาไม่มีกำลัง
ร่างกายอ่อนเพลีย หลงลืมง่าย กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า
ถ้าเป็นมากจะมีอาการใจสั่นหัวใจโตและเต้นเร็ว หอบ เหนื่อย กินอาหารที่มีวิตามินบีต่ำ
2. วิตามิน B2 (Riboflavin)
จำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมนต่างๆ การสร้างเม็ดเลือดแดง เสริมภูมิต้านทาน และการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์สมอง
การขาดวิตามิน B2ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
เกิดแผลที่มุมปากทั้งสองข้าง เรียกว่า "ปากนกกระจอก”ริมฝีปากแตก เจ็บลิ้น
ผิวหนังแห้ง ตาแพ้แสงแดดง่าย ขาบวม ระบบการทำงานของระบบประสาทผิดปกติ
3. Biotin
จำเป็นต่อขบวนการเผาผลาญไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ช่วยในการรักษาสุขภาพของผิวหนัง ผม ระบบประสาท ไขกระดูก การผลิตฮอร์โมนเพศในช่วงวัยรุ่น
การขาด Biotin ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
จะทำให้ผิวหนังแห้ง ผมร่วง ไม่เจริญอาหาร จิตใจอ่อนล้า ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ตับโต
4. Folic Acid
มีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากช่วยผลิตเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว สร้างเซลล์ ควบคุมอารมณ์ ความอยากอาหาร และการสร้างสารพันธุกรรม DNA และ RNA จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายโดยเฉพาะเด็กทารก เด็กวัยก่อนและวัยเรียน และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันระบบประสาทและสมองให้พัฒนา
การขาด Folic Acid ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
อารมณ์ไม่ปกติแปรปรวนง่าย ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อม ซึ่งเป็นสาเหตุของร่างกายอ่อนเพลีย เดินเซ งุนงง
5. วิตามิน C
เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายไม่สามารถผลิตและสะสมวิตามินรับประทานทุกวัน มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยลดสารอนุมูลอิสระ จำเป็นต่อการ เสริมสร้างและซ่อมแซมเส้นเลือด และเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ ป้องกันการเป็นหวัด
การขาด วิตามิน C ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
คนที่ขาดวิตามินซีมักจะเจ็บป่วยบ่อย เนื่องจากมีความต้านทานโรคต่ำ
เหงือกบวมแดง เลือดออกง่าย ถ้าเป็นมากฟันจะโยกรวน และมีเลือดออกตามไรฟันง่าย อาการเหล่านี้เรียกว่า 'โรคลักปิดลักเปิด'
6. ธาตุสังกะสี
มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้แผลหายเร็ว ช่วยกระบวนการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ช่วยพัฒนาระบบสืบพันธุ์ ประสาทสัมผัส เช่น การได้ยิน กลิ่น และการรับรสต่างๆ ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา ช่วยบำรุงผิว ผม และเล็บ ป้องกันการเกิดสิว ภูมิแพ้ ดังนั้นช่วงวัยรุ่นจึงมีความต้องการแร่ธาตุสังกะสีมากขึ้นเมื่อเทียบกับวัยเด็ก จึงพบว่าช่วงวัยรุ่นมีโอกาสที่จะขาดแร่ธาตุสังกะสี
การขาดธาตุสังกะสีทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
พบจุดขาวบนเล็บ และผิวหนัง ผมร่วง สมาธิสั้นและร่างกายเจริญเติบโตช้า เตี้ยแคระ
7. ธาตุเหล็ก
เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นปกติ โดยช่วยป้องกันและต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย
การขาด ธาตุเหล็กทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือ
เด็กวัยรุ่นที่ขาดธาตุเหล็ก จะพบภาวะโลหิตจาง ความสามารถในการเรียนรู้ช้าลง และมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบประสาท ร่างกายอ่อนแอ ปวดศีรษะบ่อย เป็นหวัด หรือโรคผิวหนังง่าย