จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้ข้อมูลและจัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับที่ 78 ของโลก ซึ่งการวิจัยของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ได้ระบุว่า คนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ในปริมาณเฉลี่ย 7.1 ลิตร ต่อคน ต่อปี เทียบเท่ากับการดื่มเบียร์ 226 ขวดต่อปี และสุราหรือเหล้าสี 25 ขวดต่อปี
พฤติกรรมการดื่มของคนไทยโดยมากเป็นการดื่มในปริมาณที่เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นการดื่มที่เรียกได้ว่าดื่มหนัก ซึ่งระดับความถี่ในการดื่มจัดเป็นผู้ที่ดื่มเป็นประจำร้อยละ 42.4 และผู้ที่ดื่มนาน ๆ ครั้งหรือดื่มตามโอกาสพิเศษร้อยละ 57.6
แม้ว่าหลายคนอาจให้เหตุผลในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าเป็นกิจกรรมในการเข้าสังคมหรือผ่อนคลายความเครียด แต่ในอีกมุมหนึ่งพฤติกรรมการดื่มนี้ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ดังนี้
ผลระยะสั้น เกิดภาวะมึนเมา เสี่ยงอุบัติเหตุ แน่นอนว่าในช่วงเวลาเริ่มต้นของการดื่มสุรา อาจช่วยสร้างอรรถรสในการพูดคุยและเพิ่มความสนุกสนานในวงสนทนา แต่หลังจากนั้น ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะก่อให้เกิดความสับสนมึนงง มีอาการง่วงซึม อาจหมดสติ วูบหลับ และนำมาซึ่งการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงได้ในที่สุด
ผลระยะยาว การดื่มเครื่อดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดความเจ็บป่วยตามมา เพราะแอลกอฮอล์จะทำลายเซลล์ของอวัยวะที่ไหลผ่าน และมีอวัยวะสำคัญที่ได้รับผลกระทบนั่นคือ ตับ หากดื่มในปริมาณมากติดต่อกัน ตัะบจะต้องทำหน้าที่ขับสารพิษอย่างหนัก ส่งผลให้ตับอักเสบ เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับตามมา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป...
ดังนั้นหากคุณรักในการดื่ม ก็อย่าลืมพักตับเสียบ้าง หมั่นล้างสารพิษและหาตัวช่วยดี ๆ ในการดูแลตับตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ความสุขในการดื่มจะย้อนกลับมาสร้างความทุกข์ใจให้คุณในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://resourcecenter.thaihealth.or.th/files/7/Manual/Final%20เนื้อหาอ่านประกอบสื่อ%20สุราคือยาเสพติด.pdf