จ้องจอนานพฤติกรรมทำตาพัง

จ้องจอนานพฤติกรรมทำตาพัง

    หนึ่งในปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับดวงตาที่คนทำงานในปัจจุบันจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญก็คือ อาการตาล้า ตาแห้ง ตามัว แสบตา น้ำตาไหล จากพฤติกรรมการจ้องจอนาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดจากการทำงานและพฤติกรรรมในยุคใหม่ที่ใช้เวลาอยู่หน้าจออุปกรณ์ต่างๆ เช่น จอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนแท็บเล็ต หรือโทรทัศน์มากกว่าวันละ 6-8 ชั่วโมง จนได้รับผลกระทบจากแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอของอุปกรณ์เหล่านี้ โดยพฤติกรรมการจ้องจอนาน คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติของดวงตา และในระยะยาวเสี่ยงกับโรคตาที่จะตามมา เช่น ต้อกระจก หรือจอประสาทตาเสื่อม และมีโอกาสอาจกระทบต่อการมองเห็นไปตลอดชีวิต
     แต่คงเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคนที่จะต้องหลีกเลี่ยงการอยู่หน้าจอ เพราะอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนปัจจุบันไปแล้ว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ ควรปกป้องดวงตาไม่ให้ถูกทำร้าย ด้วย 4 วิธีที่จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกแนะนำ

1.  กระพริบตาให้บ่อยขึ้น
การจ้องจอนานจะทำให้ความถี่ในการกระพริบตาลดลงโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ความชื้นของดวงตาลดลงเกิดภาวะตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหลบ่อย ดังนั้นขณะที่จ้องจอควรกระพริบตาบ่อยขึ้นเพื่อลดโอกาสอาการตาแห้ง

2.  พักสายตาด้วยสูตร 20-20-20
คนที่จ้องจอนาน ควร โดยการพักสายตาทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองออกไปไกล 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที โดยทำให้เป็นประจำในทุกครั้งที่ใช้สายตาจ้องจอ

3.  สวมแว่นกรองแสง
หากเป็นไปได้การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานควรสวมแว่นกรองแสงสีฟ้า เพื่อลดโอกาสที่แสงสีฟ้า (Blue Light) จะเข้าไปทำลายเซลล์ของดวงตา

4.  ปรับหน้าจออุปกรณ์ที่ใช้เป็นประจำให้เหมาะสม
หลักปฏิบัติข้อนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดโอกาสของอาการตาล้า ตาแห้ง ปวดตา ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลักในการปรับหน้าจออุปกรณ์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำไว้ดังนี้
     4.1 การปรับหน้าจอจอคอมพิวเตอร์
-  ควรเลือกใช้จอคอมฯ แบบ LCD เพราะจอคอมฯ ประเภทนี้จะถนอมสายตาได้ดีกว่าจอคอมฯ แบบเก่า
-  ควรวางหน้าจอให้ห่างจากระยะการมองประมาณ 18-24 ฟุต และปรับหน้าจอให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา
-  ปรับขนาดของตัวอักษร (Font) ที่แสดงบนหน้าจอให้ใหญ่กว่า 14 Points เพราะถ้าเล็กกว่านี้จะอ่านยาก และจะกระตุ้นให้เกิดอาการตาล้าได้เร็วขึ้น
-  การจ้องจอเป็นเวลานาน โดยเฉพาะจอคอมพิวเตอร์ การปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสมจะช่วยให้สบายตามากขึ้น เพราะหากแสงหน้าจอสว่างมากเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักเกิดอาการเกร็ง และปวดกระบอกตา แต่หากปรับแสงให้มืดจนเกินไปจะทำให้ต้องสายตาเพ่งมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้เกิดอาการตาล้าได้เช่นกัน
     4.2 การปรับหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
-  อย่าจ้องจอใกล้เกินไปควรให้หน้าจออยู่ในระยะ 16-18 นิ้ว แต่หากต้องการเห็นชัดๆ ให้ใช้การซูมหน้าจอแทน
-  มือถือ หรือแท็บเล็ตบางรุ่นมีโหมดถนอมสายตา ควรเปิดให้ทำงานแบบอัตโนมัติ เพราะไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้งหรือในที่มืด อุปกรณ์จะปรับให้แสงหน้าจอเหมาะกับสภาพแวดล้อม
-  ถ้าต้องการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตให้เลือกติดแบบด้าน เพราะจะช่วยป้องกันแสงสะท้อน และลดแสงจ้าจากแสงแวดล้อม หรือแสงแดดได้ดีกว่าฟิลม์กันรอยแบบมัน

เคล็ดลับดูแลดวงตาเมื่อจ้องจอนานด้วยสารอาหารที่จำเป็น

     นอกจาก 4 วิธีง่ายๆ ที่กล่าวไปข้างต้น การดูแลและบำรุงดวงตาจากภายในที่ดีสำหรับคนที่มีพฤติกรรมจ้องจอนานก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การรับประทานอาหารในธรรมชาติที่มีสารอาหารในการช่วยบำรุงดวงตา เช่น ลูทีน ซีแซนทีน เบต้าแคโรทีน บิลล์เบอร์รี่สกัด โอเมก้า-3 และแอสตาแซนธิน ก็จะยิ่งเป็นการบำรุงดวงตาได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถหาสารอาหารเหล่านี้ได้จากการรับประทานผักใบเขียว เช่น ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง บล็อกโคลี่ รวมทั้งผักสีเหลือง เช่น ฟักทอง ข้าวโพด แครอท หรือผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้