4 ตัวช่วยเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของ “ผู้สูงวัย”

4 ตัวช่วยเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของ “ผู้สูงวัย”

     “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ประโยคนี้เป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัยที่คงไม่มีของขวัญชิ้นใดล้ำค่า เท่ากับของขวัญที่สามารถช่วยให้มีสุขภาพร่างกาย รวมถึงสุขภาพหัวใจที่สมบูรณ์แข็งแรงได้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลานไปนานๆ!
     สำหรับผู้สูงวัย ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆภายในร่างกาย รวมไปถึงความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ ซึ่งโรคที่มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุนั้นมีด้วยกันหลายโรค อาทิเช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคพาร์กินสัน โรคข้อเสื่อม เป็นต้น
     เพื่อให้ผู้สูงวัยสามารถมีสุขภาพที่ดีได้นั้น นอกเหนือไปจากการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์แล้วนั้น ทางการแพทย์ยังแนะนำให้เสริมด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายอย่างครบถ้วนและมีปริมาณที่เพียงพอ สารอาหารใดบ้างที่ผู้สูงวัยจำเป็นต้องเติมเต็ม? ครั้งนี้ MEGA We care ได้คัดสรรสารอาหารสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยมาฝากกัน

        ทำไมการเติมเต็มสารอาหารจึงจำเป็นต่อผู้สูงวัย?
            ‘ผู้สูงอายุ หรือ ผู้สูงวัย’ คือ กลุ่มวัยซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากมีหลายปัจจัยเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะดังกล่าว เช่น อาการเบื่ออาหาร เกิดปัญหาในการเคี้ยวอาหารเพราะฟันไม่แข็งแรง ลิ้นรับรสได้ไม่ดีเท่าที่เคย จึงรู้สึกทานอะไรก็ไม่อร่อย หรือฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้ความอยากอาหารลดลง ปัจจัยต่างๆเหล่านี้เองที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆได้

        สุดยอดสารอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้สูงวัย



     1. น้ำมันปลา (Fish oil) คือ น้ำมันที่ได้จากการนำปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาวเย็น เช่น ปลาแองโชวี่ ปลาแมคเคอเรล และปลาทูน่า มาผ่านกระบวนการสกัดเอาส่วนของไขมันปลา เนื่องจากในปลาเหล่านี้จะมีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3) สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเอง ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

     คำถามต่อมาคือ กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3) ในน้ำมันปลานี้ ดีกับร่างกายอย่างไร?
       มีสารอาหารสำคัญอย่างกรดไขมันอีพีเอ (EPA) และดีเอชเอ (DHA) ซึ่งช่วยในการลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์
       ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจอุดตัน
       ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและหัวใจได้ดี
       ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดตีบ
       ลดภาวะความดันโลหิตสูง
       ช่วยบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
       ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ อาการปวดข้อของข้อเสื่อมและรูมาตอยด์
          ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้เองที่ทำให้ในวงการแพทย์ขนานนามให้ น้ำมันปลาให้เป็นสารต้านการอักเสบ เพราะช่วยบรรเทาอาการปวด บวม ตึงแน่นของข้อได้ดี และสำหรับในยุคที่เต็มไปด้วยโรคระบาด มีเชื้อโรคและเชื้อไวรัสอยู่รอบตัวเช่นนี้ ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงคือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งล่าสุดมีการวิจัยที่ระบุว่าสารอาหารที่สำคัญในน้ำมันปลานั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงและช่วยบรรเทาโรคปอดอักเสบติดเชื้อได้ เนื่องจากมีส่วนช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้กำจัดเนื้อเยื่อปอดที่อักเสบติดเชื้อ ลดสารที่ทำให้ปอดอักเสบ ทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงได้อีกด้วย

     2. โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) คือ สารอาหารชนิดหนึ่งซึ่งปกติแล้วจะมีอยู่ในทุกๆเซลล์ของร่างกาย ทำหน้าที่ให้พลังงานแก่อวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะอวัยวะที่จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ทั้งตับ ไต สมอง ที่สำคัญคือช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ซึ่งหัวใจเป็นอวัยวะส่วนที่มี CoQ10อยู่ในปริมาณมาก เนื่องจากหัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาทำลายเซลล์ในร่างกายให้เสื่อมสภาพด้วย ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้เอง ทำให้กล่าวสรุปได้ว่าหากร่างกายมีปริมาณ CoQ10ที่เพียงพอ จะส่งผลดีต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่ายกาย

     จะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายขาด CoQ10?
       เซลล์ต่างๆ เสื่อมลง ส่งผลให้ทำงานได้ไม่ประสิทธิภาพ
       อาจส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติ
       เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
            และถึงแม้ร่างกายของเราจะสามารถสังเคราะห์ CoQ10 ขึ้นเองได้ แต่ประสิทธิภาพของการสังเคราะห์นั้นจะมีมากในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นเท่านั้น แล้ว CoQ10 ที่มีในร่างกายก็จะค่อยๆลดน้อยลงไปตามวัย เริ่มตั้งแต่เมื่ออายุ 21 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุผลนี้เองจึงมักพบว่าร่างกายของผู้สูงวัยหลายคนมักมีภาวะขาดCoQ10 นอกจากนี้อายุที่เพิ่มขึ้นยังทำให้การเผาผลาญลดน้อยลง เกิดปัญหาไขมันในเลือดหรือการสะสมของคอเลสเตอรอลมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องรักษาด้วยการใช้ยาลดไขมัน และอาจมีผลข้างเคียงของยาลดไขมัน คือ ออกฤทธิ์ในการทำลาย CoQ10 ในร่างกาย ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาด Q10 มากกว่าปกตินั่นเอง และยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการลดลงของ CoQ10ในร่างกาย เช่น ความเครียดจากการทำงานหนัก การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

     3. ขมิ้นชัน (Curcumin) คือ สมุนไพรพื้นบ้านที่หลายคนรู้จักดี มีสรรพคุณอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน ทั้งช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พูดถึงอีกหนึ่งสรรพคุณอันโดดเด่นของขมิ้นชัน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัยนั่นคือ สามารถช่วยลดการอักเสบและปวดข้อได้ มีข้อดีที่เหนือกว่าการใช้ยาแก้อักเสบกลุ่มอื่นคือ ขมิ้นชันสามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง และยังไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัย

     สารสำคัญในขมิ้นชันมีอะไรบ้าง และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?
ขมิ้นชัน มีสารสำคัญที่ชื่อว่า เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราดังนี้
       มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์
       มีส่วนช่วยต้านมะเร็งหรือโรคเรื้อรังอื่นๆ
       ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
       บรรเทาอาการปวดและลดอาการอักเสบของข้อ
       ป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน
       ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
       ช่วยลดการจับตัวของไวรัสกับผนังเซลล์ในร่างกาย และมีส่วนช่วยลดการเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัส
          แต่เนื่องจากสารสำคัญในขมิ้นชันนั้นสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและเนื้อเยื่อได้น้อย เพราะจะถูกทำลายได้ง่ายที่ลำไส้เล็ก ถูกเผาผลาญและกำจัดออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีการคิดค้นและพัฒนาขมิ้นชันให้อยู่ในรูปของไฟโตโซม ทำให้สารจากธรรมชาติที่ถูกดูดซึมได้ยาก กลายเป็นสารที่ถูกดูดซึมได้ง่าย ด้วยสูตรลิขสิทธ์ Meriva ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารสำคัญเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีกว่าสารสกัดขมิ้นชันแบบปกติ (Curcuminoids) ถึง 9 เท่า

     4. Joint Collagen เป็นสารที่สำคัญสำหรับการช่วยสร้างข้อกระดูกอ่อน ซึ่งจากผลวิจัยทางการแพทย์พบว่าคอลลาเจนสามารถช่วยแก้ปัญหาโรคข้อเสื่อมได้ เพราะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างกระดูกอ่อนข้อ ช่วยเพิ่มน้ำเลี้ยงข้อ จึงมีส่วนให้ข้อกระดูกกลับมาแข็งแรง บรรเทาอาการปวด อักเสบข้อได้

     ใครบ้างที่ควรเสริมคอลลาเจนสำหรับข้อกระดูก?
       ผู้สูงวัย ที่มีปัญหาข้อเสื่อม
       ผู้ที่เริ่มมีอาการปวดข้อขณะเคลื่อนไหว
       ผู้ที่ใช้ข้อในกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่ง คุกเข่า กระโดด นั่งพับเพียบ เป็นต้น
       ผู้ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรม หรือคนในครอบครัวมีประวัติข้อและกระดูกอ่อนแอ
          อาการของผู้ที่มีภาวะข้ออักเสบจากโรคข้อเสื่อม คือ มีอาการปวดตามข้อต่าง ทั้งบริเวณข้อเข่า ข้อสะโพก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะชะล่าใจหรือมองข้ามได้ เพราะหากปล่อยไว้หรือรักษาได้ไม่ทันท่วงทีนั้น อาจทำให้เกิดภาวะทุพพลภาพ ที่ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ดังนั้นเพื่อป้องกันและดูแลข้อจึงสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งทางการแพทย์แนะนำให้หมั่นบริหารข้ออยู่เสมอ ควบคู่กับการเลือกเติมความแข็งแรงให้กับข้อกระดูกด้วยด้วยคอลลาเจนสูตรทางการแพทย์ ที่จะช่วยบำรุงข้อด้วยการเสริมคอลลาเจน ที่ช่วยเพิ่มน้ำเลี้ยงข้อ เพื่อให้การเคลื่อนไหวข้อสะดวกขึ้น ส่งผลให้ข้อกระดูกมีความแข็งแรง จึงช่วยชะลอความเสื่อมของข้อได้

          และทั้งหมดนี้คือ 4 ตัวช่วยเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของ “ผู้สูงวัย” ที่เราบรรจงคัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ด้วยความห่วงใยจาก_MEGA We care

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้