‘สมอง’ เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ สมองจะทำหน้าที่คิด จดจำ ประมวลผล และแสดงความรู้สึกต่างๆ เรียกได้ว่าทำงานอยู่ตลอดเวลา เเม้ในขณะนอนหลับ ฉะนั้นเราก็ควรดูแลเอาใจใส่อวัยวะสำคัญชิ้นนี้ให้มากที่สุด เพื่อที่สมองจะทำงานได้สมบูรณ์ถึงขีดสุด
ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอดและช่วง 3 เดือนแรกหลังตลอด คือช่วงเวลาที่สมองของทารกจะมีการพัฒนาสูงสุด จึงเป็นเวลาทองของคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสูงน้อย อีกทั้งในวัยนี้ควรมีการติดตามและสังเกตอย่างใกล้ชิด หากลูกมีพัฒนาการที่ล่าช้า ไม่สมวัย อาจะเป็นสัญญาณเตือนของการบกพร่องทางสติปัญญาก็เป็นได้
วิธีการดูแลในช่วงวัยนี้
ช่วงก่อนคลอด 3 เดือน แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทานอาหารจำพวกตับ ไข่แดง ธัญพืชให้มากขึ้น โดยเฉพาะเนื้อปลา เพราะในกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) มีดีเอชเอ (DHA) ที่เป็นกรดไขมัน ซึ่งพบมากในเนื้อปลา ดีเอชเอเป็นองค์ประกอบของเซลล์สมองและประสาทตา โดยจะมีส่วนช่วยพัฒนาการทางสมองและสายตาของลูกน้อยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ช่วงหลังคลอด 3 เดือน ในช่วงหลังคลอด คุณแม่สามารถใหลูกทานอาหารในแบบเดียวกับช่วง 3 เดือนก่อนคลอดก็ได้ เพื่อเสริมพัฒนาการที่ดีให้แก่ลูก
วัยนี้เริ่มมีความคิดความอ่านที่ซับซ้อนขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างมาก แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ เรื่องการเรียนและพฤติกรรม ซึ่งสะท้อนถึงกระบวนความคิดของวัยรุ่น
วิธีการดูแลในช่วงวัยนี้
นอกจากที่จะต้องทาอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นประจำแล้ว ควรออกกำลังกาย เพื่อให้มีหัวใจที่แข็งแรงและสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ เล่นเกมส์ฝึกสมอง ให้สมองได้ถูกกระตุ้น ยิ่งเกมส์มีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ ยิ่งมีการสร้างใยสมองเพื่อเชื่อมโยงการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองมากขึ้น ส่งผลให้เด็กมีความคิดที่ฉับไวมากขึ้นเท่านั้น
วันที่ต้องใช้พลังของสมองหมดไปกับการใช้ความคิดในการรับผิดชอบและแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องงาน จึงทำให้เสี่ยงกับภาวะเครียด แต่คนวัยนี้ส่วนมากมักละเลยการดูแลสมอง ทั้งการไม่ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย รวมถึงการพักผ่อนที่น้อยเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเหตุนำโรคร้ายมาสู่ร่างกายและทำลายสมองอีกด้วย
วิธีที่การดูแลในช่วงวัยนี้
หาเวลาออกำลังกายให้สม่ำเสมอ 3-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย และไม่ควรคลายด้วยวิธีผิด ๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ยิ่งเป็นการทำลายเซลล์สมองโดยตรง มีข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยืนยันว่าแอลกอฮอล์มีส่วนในการยับยั้งการสร้างเซลล์สมองและการส่งสัญญาณประสาท ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง และยังทำให้สมองที่มีหน้าที่ในการจดจำทำงานได้แย่ลง
เป็นวัยที่เกิดการเสื่อมถอยของร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งหากคนในวัยนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำสูญเสียเซลล์สมองลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงหากิจกรรมเพื่อทำการบริหารสมองอย่างต่อเนื่อง
วิธีการดูแลในช่วงวัยนี้
ทำกิจกรรมกระตุ้นและบริหารสมอง เช่น การเล่นไพ่ การเล่นต่อคำ (Crossword) หรือจะออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเช่น การเดิน ก็สามารถทำให้ร่างกายมีการกระตุ้นให้สร้างเซลล์สมองให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยชะลอความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นให้ช้าลง
นอกจากวิธีการดูเเลสมองในเเต่ละช่วงวัยที่พึงปฏิบัติเเล้ว การบำรุงสมองด้วยสารอาหารทีสำคัญ ก็จำเป็นเช่นกัน จากผลการวิจัยของเเพทย์ทั่วโลกยืนยันว่า น้ำมันปลามีกรดไขมันที่เรียกว่า “Omega 3” ซึ่งประกอบด้วยอีพีเอ (EPA) และดีเอชเอ (DHA) ที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะดีเอชเอ ที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมอง ถ้าได้รับ ดีเอชเอในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยเรื่องของการเรียนรู้ การจดจำ รวมทั้งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง ดังนั้นน้ำมันปลาจึงมีประโยชน์กับทุกวัยของช่วงชีวิต
วิธีการดูแลสมองทำได้หลายวิธี อาจแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย แต่สิ่งที่สมองต้องการเหมือนกันคือ 'การทานอาหารที่ดี' โดยเฉพาะอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีความจำเป็นต่อสมอง หากทำตามคำแนะนำที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น รับรองว่าจะช่วยให้สมองมีสุขภาพที่ดีในทุก ๆ ช่วงวัยแน่นอน ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care