Search

พรีไบโอติก ทางเลือกสำหรับคนไม่กินผัก 

ท้องเสีย ท้องผูก
พรีไบโอติกสำหรับคนไม่กินผัก

วิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในยุคนี้ รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ทำให้พฤติกรรมการรับประทานอาหารเปลี่ยนไป เน้นเลือกรับประทานอาหารที่หาง่าย สะดวก ประหยัดเวลา โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ จากข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ พบว่าคนส่วนใหญ่ได้รับ พรีไบโอติก หรือใยอาหารจากอาหารปกติเฉลี่ยเพียงวันละ 10-15 กรัมเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ปัญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นหากไม่กินผัก

สำหรับในประเทศไทยสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีคนไทยกว่า 16.74 ล้านคน หรือคิดเป็น 28% ของประชากรภายในประเทศ ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ หรือรับประทานน้อยกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งพฤติกรรมการรับประทานเช่นนี้จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากผักและผลไม้ไม่เพียงพอ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมาในอนาคต เช่น มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย มีสารพิษตกค้างในร่างกาย ลมหายใจมีกลิ่น มีปัญหาเรื่องผิวพรรณ และในระยะยาวเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ รวมไปถึงโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น

– ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ

– ขับถ่ายไม่เป็นเวลา

– มีอาการท้องผูก

– มีสารพิษตกค้างภายในร่างกาย

– ลมหายใจมีกลิ่น

– ส่งผลถึงผิวพรรณ

– เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้

ด้วยเหตุนี้เองสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงแนะนำให้คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับพรีไบโอติกหรือใยอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน เพราะถือเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมร่างกายจึงควรได้รับพรีไบโอติกหรือใยอาหารในปริมาณที่เพียงพอ?

พรีไบโอติก (Prebiotics) คือสารอาหารชนิดหนึ่ง เป็นใยอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะช่วยเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ใหญ่ อาทิเช่น แลคโตบาซิลลัส บิฟิโดแบคทีเรีย ที่ทนต่อน้ำย่อย กรด ด่าง ในกระเพาะและลำไส้ได้ จึงมีประโยชน์สำหรับกระบวนการย่อยอาหาร ทั้งยังทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติ

พรีไบโอติก เหมาะสำหรับใครบ้าง?

  • ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียบ่อย
  • ผู้ที่มีปัญหาขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ ขับถ่ายไม่เป็นเวลา
  • ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้
  • ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลลำไส้
  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร

อ่านต่อ : ริดสีดวงทวาร ท้องผูก ป้องกันได้ด้วยพรีไบโอติก

ประโยชน์ของ พรีไบโอติก

พรีไบโอติกจะช่วยดูดซับสารพิษ และสารก่อมะเร็งในทางเดินอาหาร ยับยั้งไม่ให้สารพิษต่างๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

  • ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
  • พรีไบโอติกสามารถช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหารดีขึ้น
  • ช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
  • ทำให้อุจจาระมีกากใย และนิ่มสะดวกต่อการขับถ่าย
  • ป้องกันอาการท้องเสีย (ที่เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร)
  • ช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค จึงลดโอกาสการติดเชื้อในลำไส้ได้
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ
  • พรีไบโอติกจะจับกับไขมัน และน้ำตาลในทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันได้ช้าลง และเพิ่มการขับออกของคอเลสเตอรอล จึงมีส่วนช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนัก
  • ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนิเซียม จึงสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้
  • ใยอาหารจากพรีไบโอติก จะถูกหมักด้วยจุลินทรีย์ในลำไส้ เกิดเป็นกรดไขมันซึ่งจะไปกระตุ้นการหลั่งสารชนิดหนึ่งที่ทำให้สมองรับรู้ถึงความรู้สึกอิ่มและสบายท้อง

ด้วยประโยชน์ข้างต้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรรับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลายในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ควบคู่ไปกับการได้รับวิตามินที่จำเป็นเพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นได้ดียิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการรับประทานผักและผลไม้ ไม่ว่าจะเพราะไม่ชอบ ไม่มีเวลาเลือกสรร หรือเหตุผลอื่นๆ ปัจจุบันมีทางเลือกเพื่อช่วยทดแทนและเติมเต็มไฟเบอร์ให้กับร่างกายได้ ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สูตรรวมผักผลไม้และวิตามินที่หลากหลาย ทำให้สะดวกต่อการรับประทานมากขึ้น และทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับสารอาหารที่สำคัญจากผักผลไม้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังรับประทานได้ตั้งแต่เด็ก ไม่มีอันตราย และเหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ

อ้างอิง

-

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ล้างพิษ

โพรไบโอติก (Probiotic) มิตรแท้ระบบทางเดินอาหาร

ระบบย่อยอาหาร

‘โปรไบโอติกส์’ (Probiotics) จุลินทรีย์ชนิดดีกับการช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโรค

ทั้งหมด

'ท้องอืด' บรรเทาด้วย 3 สมุนไพรจากธรรมชาติ