เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่รอบตัวเต็มไปด้วยเชื้อโรค เชื้อไวรัส และมลภาวะต่างๆ ซึ่งจ้องจะทำร้ายสุขภาพของทุกคนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเด็กๆที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ หนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ชอบรับประทานแต่ขนมหรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ ร่างกายจึงได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย ไม่เพียงเท่านั้นหากร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอยังส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมอง สายตา และส่วนอื่นๆของร่างกาย ทำให้เด็กๆมีพัฒนาการที่ไม่สมวัย และอาจมีปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาในอนาคต
ด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมานี้เอง ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพและพัฒนาการที่สมวัยของเด็กๆ มองหาตัวช่วยหรืออาหารเสริมสูตรที่เหมาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย แต่เนื่องจากเด็กแต่ละช่วงวัยนั้นมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรศึกษาข้อมูลเรื่องสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย เพื่อให้สามารถเลือกสรรอาหารเสริมที่ดี คุ้มค่า และตอบโจทย์สุขภาพให้กับบุตรหลานได้ หากคุณกำลังสงสัยว่า…สารอาหารใดบ้างที่ช่วยเสริมพัฒนาการให้กับเด็กเล็ก? หรือ เด็กวัยรุ่นต้องเติมเต็มสารอาหารชนิดใดปริมาณเท่าไหร่เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงสมวัย? บทความนี้จาก MEGA We care มีคำตอบ
สนใจหัวข้อไหน... คลิกเลย
สารอาหารที่ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กเล็ก
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กวัยเรียน
สารอาหารบำรุงร่างกายให้แข็งแรง :
ดีเอชเอ (DHA) คือ กรดไขมันในกลุ่มของโอเมก้า-3 สุดยอดสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็ก เพราะมีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาสมองและสายตา นอกจากนี้ DHA ยังมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยลดปัญหาเรื่องภูมิแพ้ได้อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ร่างกายไม่สามารถสร้างกรดไขมันจำเป็นชนิดนี้ขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารจำพวกปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า แองโชวี่ แซลมอน เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบรับประทานอาหารประเภทนี้นัก ทำให้เกิดคำถามต่อมาว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหากเด็กได้รับปริมาณ DHA ไม่เพียงพอ?
จากการศึกษาพบว่าเด็กที่ได้รับ DHA ไม่เพียงพอเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ อาทิเช่น
มีผลต่อพัฒนาการทางสมองและสายตา
มีผลต่อระดับ IQ และความจำ
มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น จดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน
มีปัญหาการเรียนรู้ช้ากว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน
มีอาการเครียด ซึมเศร้า หรือภาวะทางจิตอื่นๆ
ส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
เด็กวัยเรียนหรือวัยรุ่นเป็นอีกหนึ่งช่วงวัยที่ต้องการสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อบำรุงร่างกายในทุกระบบทั้งสมอง สายตา และช่วยเสริมความแข็งแรงของสุขภาพโดยรวม แต่เนื่องจากเด็กวัยนี้ส่วนใหญ่มักชอบรับประทานอาหารจานด่วน อาหารฟาสต์ฟู๊ด รับประทานผักผลไม้น้อย ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อร่างกาย ส่วนทางกับการใช้ชีวิตวัยเรียนที่ต้องใช้สายตาและใช้สมองเพื่อโฟกัสกับสิ่งที่กำลังเรียนรู้ เด็กหลายคนต้องอ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์มือถือจนดึกทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้เองที่ส่งผลให้มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่ายกายไม่พอ ทำให้ป่วยง่าย ป่วยบ่อย ต้องหยุดเรียนทำให้เรียนตามเพื่อนไม่ทัน และยังเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพได้ในอนาคตอีกด้วย
ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในช่วงวัยเรียนหรือวัยรุ่น จึงจำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกอาหารสำหรับเด็กวัยนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้เขาได้มีพลังกายและพลังสมองพร้อมที่จะเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ๆ และเติบโตได้อย่างสมวัย สำหรับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กวัยเรียนหรือวัยรุ่น มีดังนี้
ดีเอชเอ (DHA) เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ในด้านการบำรุงสมองสำหรับเด็กวัยเรียนเช่นเดียวกับในเด็กเล็ก เพราะเป็นกรดไขมัน โอเมก้า-3 ชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย สมอง และสายตา เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ มีหน้าที่สำคัญต่อระบบประสาทและสายตา ซึ่งหากสมองมีสารอาหาร DHA ที่มากพอจะช่วยเสริมพัฒนาการทางสมอง และสายตาให้เด็ก รวมทั้งยังช่วยให้เด็กสามารถควบคุมสมาธิของตนเองได้ดี และจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้มากขึ้น จึงส่งผลดีต่อพัฒนาด้านการเรียนรู้ และสามารถป้องกันโรคสมาธิสั้นได้
เลซิติน (Lecithin) คืออีกสารอาหารหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เพราะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยในการเพิ่มสารสื่อประสาท ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทให้ดีขึ้น จึงช่วยเสริมเรื่องความจำและกระบวนการทางความคิดให้กับเด็กๆ ช่วยให้เด็กมีความพร้อมในการเรียนมากขึ้น สารอาหารนี้พบมากใน ไข่แดง ถั่งเหลือง โดยปริมาณที่เหมาะสมในการเสริมเพื่อบำรุงสมอง คือ 1,200-2,400 มิลลิกรัมต่อวัน
ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงดวงตาได้เป็นอย่างดี เด็กวัยเรียนที่ต้องใช้สายตาอย่างหนักจึงจำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพอ เพราะลูทีน มีหน้าที่ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่มีอยู่บนหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้ง โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยลูทีนสามารถกรองแสงได้ถึง 40% ก่อนที่แสงจะตกถึงแมคูลา (Macula lutea) ที่เป็นส่วนหนึ่งของจอประสาทตา ซึ่งประกอบไปด้วยเซลล์นับล้าน เมื่อร่างกายได้รับลูทีนในปริมาณที่เพียงพอจึงทำให้การมองภาพคมชัดขึ้น สารอาหารนี้จะทำงานได้ดีเมื่อทำงานร่วมกับกรดไขมัน DHA และ AA (Arachidonic acid) ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านการมองเห็น
เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) สารอาหารที่พบมากในผักใบเขียวเข้ม หรือผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้ม หากเด็กๆ ชอบรับประทานมะม่วงสุก มะละกอสุก หรือเมนูผักสลัดต่างๆ จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะร่างกายจะได้รับเบต้าแคโรทีน ไปใช้ในการบำรุงดวงตา และเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารนี้จะนำไปย่อยสลายให้เป็นวิตามินเอ ทำให้การมองเห็นตอนกลางคืนดีขึ้น และลดความเสื่อมของเซลล์ในดวงตาได้
แร่ธาตุ ถือเป็นสารอาหารอีกหมู่หนึ่งที่มีความสำคัญ มีหน้าที่ที่สำคัญคือ เป็นตัวเสริม ควบคุม และเป็นตัวเร่งให้เกิดการทำงานของปฏิกิริยาทางเคมีภายในเซลล์ ซึ่งแร่ธาตุบางชนิดทำให้เกิดความสมดุลของร่างกาย ขณะที่แร่ธาตุบางชนิดมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด เช่น ธาตุเหล็ก นอกจากนี้แร่ธาตุอย่าง ซิงค์ (Zinc) ยังมีส่วนช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น ทำให้สามารถกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้
วิตามินรวม เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของแร่ธาตุและสารอาหารอื่นๆ ที่ร่างกายได้รับเข้าไป วิตามิน คือ อีกกลุ่มสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในวิตามินที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดในเรื่องทำให้ร่างกายแข็งแรง คือ วิตามินซี (Vitamin C) เนื่องจากวิตามินซีจะช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น จึงทำให้ต่อสู้กับเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้ดี ส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่ป่วยง่าย หรือสามารถฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น และอีกหนึ่งวิตามินจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กวัยเรียนคือ วิตามินบี (Vitamin B) เพราะมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง จึงช่วยลดความเครียดจากการเรียนหนักได้
และทั้งหมดนี้คือสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัยที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รับประทานให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน แต่หากไม่มั่นใจว่าอาหารมื้อหลักจะสามารถให้สารอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณที่มากเพียงพอหรือไม่ การเสริมสารอาหารสำหรับเด็กโดยเฉพาะก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและเสริมพัฒนาการของลูกน้อยให้แข็งแรงสมวัยได้ ด้วยความห่วงใยจาก _ MEGA We care