เลซิติน (Lecithin) คือ สารธรรมชาติที่ประกอบด้วยกรดไขมัน ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 2 ตัว ได้แก่ โคลีน (Choline) และอินอสซิตอล (Inositol) สามารถพบเลซิตินได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ สำหรับในร่างกายของมนุษย์จะพบมากในอวัยวะสำคัญอย่าง หัวใจ ตับ ไต และในสมองมีเลซิตินเป็นส่วนประกอบถึง 30% ดังนั้นเลซิตินจึงถือว่าเป็นสารอาหารสำคัญที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายระบบ
สนใจหัวข้อไหน...คลิกเลย
เลซิตินสามารถพบได้ตามธรรมชาติจาก 2 แหล่งที่สำคัญ คือ
ในร่างกายสามารถผลิตเลซิตินขึ้นเองได้จากตับ โดยประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น วิตามินบี และสารอาหารสำคัญอื่นๆ แต่ถ้าร่างกายได้รับสารอาหารและวิตามินต่างๆ ไม่เพียงพอ ก็ส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินไม่เพียงพอต่อการใช้งานด้วยเช่นกัน
สามารถพบเลซิตินได้ทั้งพืชและสัตว์ โดยพบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลีข้าวโอ๊ต เป็นต่อ
เพราะไขมันโคเลสเตอรอลที่ไม่ละลายจะไม่รวมตัวกับน้ำและไม่ละลายในเลือด แต่จะจับตัวเป็นก้อนตกตะกอนอยู่ตามผนังเส้นเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันและโรคสมองและหัวใจขาดเลือดตามมาในที่สุด แต่เลซิตินมีคุณสมบัติช่วยทำให้ไขมันโคเลสเตอรอลและน้ำรวมตัวกันได้ดีขึ้น ส่งผลให้ไขมันโคเลสเตอรอลไม่เกาะติดกับผนังเส้นเลือดและช่วยเพิ่มระบบการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
นอกจากนี้เลซิตินยังช่วยลดปริมาณไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด และยังมีส่วนช่วยลดการดูดซึมและเพิ่มการขับถ่ายไขมันโคเลสเตอรอลผ่านทางอุจจาระ ทั้งนี้เลซิตินช่วยเพิ่มสัดส่วนของไขมันเอชดีแอล โคเลสเตอรอล (HDL-Cholesterol) ที่เป็นไขมันชนิดดี ส่งผลให้ในการช่วยลดละดับไขมันโคเลสเตอรอลได้อีกทางหนึ่ง
สารสำคัญที่พบในเลซิตินมีชื่อว่า ‘ฟอสฟาทิดิลโคลีน’ (Phosphatidylcholine) มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย ร่วมถึงเซลล์ตับอีกด้วย ลดการทำลายเซลล์และช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติจากยา แอลกอฮอล์ สารเคมีหรือสารพิษต่างๆ ที่มีส่วนในการทำลายตับ
ทั้งนี้เลซิตินยังช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะไขมันพอกตับอีกด้วย เพราะโคลีนในเลซิตินเป็นสารที่สำคัญในการทำงานของเซลล์ตับ หากขาดโคลีนจะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับได้ และโคลีนยังช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในตับ ทำให้ไขมันถูกนำไปใช้เป็นพลังงานมากขึ้น
เลซิตินถือแหล่งสารอาหารที่สำคัญให้พลังงานของสมองต่อทุกเพศทุกวัย โดยในช่วงวัยเด็กต้องการเลซิตินไปใช้ในการสร้างเซลล์ต่างๆ ของร่างกายพร้อมเสริมสร้างความจำและการเรียนรู้ ส่วนในช่วงวัยทำงานเป็นวัยที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูง เลซิตินจึงช่วยบำรุงสมองและเสริมความจำ
นอกจากนี้เลซิตินยังช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน โดยเลซิตินจะช่วยดูแลระบบการทำงานของสมองและประสาท เพิ่มประสิทธิภาพในการจำและเรียนรู้ ไม่ให้หลงลืมอะไรง่ายๆ
ในคุณแม่ที่ให้นมลูกอาจเจอกับปัญหาน้ำนมไหลไม่ปกติ เพราะเกิดท่อน้ำนมอุดตันโดยเลซิตินเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างน้ำและน้ำมัน จะไปช่วยลดความหนืดของน้ำนมทำให้น้ำนมไหลได้ดีขึ้น พบข้อมูลจากมูลนิธิให้นมลูกของประเทศแคนาดาแนะนำว่า ให้รับประทานเลซิตินสำหรับท่อน้ำนมอุดตัน ครั้งละ 1200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
การเลือกซื้อเลซิตินควรต้องคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ โดยเลซิตินที่บริสุทธิ์ต้องสกัดจากถั่วเหลืองและเป็นวัตถุดิบเกรดเอ ที่ปราศจากสารฟอกสี การแต่งสี แต่งรส เพราะสารฟอกสีที่นิยมใช้ในการผลิตเลซิตินเป็นอันตรายก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบและตับแข็งได้ หากรับประทานต่อเนื่องในระยะยาว
ดังนั้นควรเลือกเลซิตินที่ภายใต้มาตรฐานการผลิตยาระดับสากล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก GMP ของประเทศไทย BfArM ของประเทศเยอรมัน และ TGA ของประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเลซิตินมีคุณภาพที่ผ่านการคัดสรรและขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถมั่นใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยต่อร่างกายเมื่อการรับประทานในระยะยาว…ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.phyathai.com/article_detail.php?id=2000
https://www.bangkokhospital.com/content/maintain-brain-with-lecithin
https://www.disthai.com/17264679/เลซิติน
https://www.bhaewow.com/lecithin/