คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เรื่องเทรนด์ของการดูแลสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่คนไทยจำนวนมากหันมาให้ความสนใจ เพราะการมีสุขภาพที่ดี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

     เมื่อไม่เจ็บป่วย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และมีจิตใจที่สดชื่นเบิกบาน การดำรงชีวิตอยู่ในสังคมก็เป็นไปอย่างมีความสุข สามารถที่จะทำกิจกรรมที่อยากทำได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล สามารถสนุกไปกับการทำงาน มีความสุขในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าเมื่อทุกคนมีสุขภาพดี สิ่งอื่นๆ ในชีวิตก็จะดีตามไปด้วย

พื้นฐานของการมีสุขภาพดีที่ทุกคนทำได้

     การจะมีสุขภาพที่ดีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น มีข้อปฏิบัติหลักๆ อยู่เพียง 4 ข้อ

1.  หลีกเลี่ยงความเครียด
     ความเครียด อาจเรียกได้ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรค และเป็นตัวที่กระตุ้นความรุนแรงของโรคให้มีมากขึ้น เมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดหรือ คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ เช่น น้ำตาล ความดันโลหิต และไขมันในเลือดสูงขึ้น  อ้วนและน้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นความหิวทำให้อยากอาหารมากขึ้น
     จริงอยู่ที่คนเราจะต้องเจอกับความเครียดไม่มากก็น้อยจากการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรที่จะต้องจัการและควบคุมความเครียดให้อยู่ในระดับเหมาะสมไม่ให้มีมากเกินไป ฝึกการผ่อนคลายเพื่ออารมณ์แจ่มใส ฝึกคิดบวก มองโลกในแง่ดี รู้จักการผ่อนสั้นผ่อนยาวและปล่อยวางให้มากขึ้น และหากิจกรรมสันทนาการทำเพื่อความผ่อนคลาย

2.  ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย
     คงเคยได้ยินคำว่า “การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอคือ ยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุด” มนุษย์เราเกิดมาถ้าจะไม่คิดออกกำลังกายเลยคงจะเป็นไปไม่ได้ โรคบางโรคสามารถบรรเทาหรือหายได้ก็เพราะใช้การออกกำลังกาย มีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศพบว่า “คนเราจะแก่ช้าลง ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที”
     ข้อดีของการออกกำลังกายก็คือ สามารถช่วยการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น อวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด และหัวใจทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และบรรเทาโรคบางโรคได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยารักษา เช่น เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

3.  พักผ่อนให้เพียงพออย่างมีคุณภาพ
     เคยสังเกตไหมว่า หากคืนไหนนอนน้อย นอนดึก หรือนอนไม่พอ วันรุ่งขึ้นความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าจะถูกพรากจากชีวิตของเราไปในทันที ซึ่งอาการที่แสดงออกมาแทนที่ก็คือ สมองเบลอ คิดอะไรไม่ออก ห่อเหี่ยว ไม่กระปรี้กระเปร่า อ่อนเพลีย ซึมเศร้า คิดช้า ฯลฯ นั่นก็หมายความว่า การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอส่งผลกับระบบต่างๆ ร่างกายอย่างมาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในต่างประเทศนิยามเรื่องการพักผ่อนไว้ว่า “การนอนให้หลับสนิทก่อนเที่ยงคืนเป็นรากฐานของการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แบบวิธีหนึ่ง”

4.  รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
     การเลือกรับประทานอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์คือ จุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วยความพิถีพิถันมากขึ้น ไม่รับประทานตามใจปาก และหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารว่าที่เหมาะกับสุขภาพ
     ในอาหารที่มีประโยชน์จะอุดมไปด้วย สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งคนเราต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ซึ่งถ้าหากสามารถรับประทานสารอาหารเหล่านี้ได้อย่างเพียงพอในปริมาณที่ร่างกายต้องการเป็นประจำแล้ว จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพลงได้อย่างมาก

สารอาหารสำคัญเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

1.  โคเอนไซม์ คิวเทน (Co Q10)
     โคเอนไซม์ คิวเทน (CoQ10) ถือเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย พบมากในเซลล์หรืออวัยวะที่ใช้พลังงานมาก เช่น หัวใจ ไต ปอด และตับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สารอาหารชนิดนี้จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
     ประโยชน์ที่จะได้รับจากโคเอนไซม์ คิวเทนก็คือ สามารถช่วยคงความสมดุลของโคเอนไซม์คิวเทน (Co Q10) ในอวัยวะสำคัญต่างๆ ให้ร่างกายสมบูรณ์ และ ช่วยป้องกันบรรเทาโรค รวมถึงอาการต่างๆ ที่พบมากในผู้สูงอายุเช่น โรคหัวใจ โรความผิดปกติทางสมอง (อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน) โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งลดการเกิดผลข้างเคียงในผู้สูงอายุที่รับประทานยาลดไขมันคอลเลสเตอรอลในกลุ่มสแตติน

2.  กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3)
     สารอาหารมากคุณค่าที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายคือ EPA และ DHA ที่ให้คุณประโยชน์ในการดูแลสุขภาพหัวใจและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด ลดอัตราการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดแดง (โรคหลอดเลือดแข็งตัว) ลดความดันโลหิตสูง ลดการปวดอักเสบของโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และยังช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคสมองเสื่อม

3.  วิตามินอี (Vitamin E)
     วิตามินอี ถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระพื้นฐานที่จำเป็นต่อร่างกายที่ทุกคนควรจะได้รับอย่างเพียงพอ ประโยชน์ของวิตามินอีต่อร่างกายมีมากมาย เช่น ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ป้องกันและชะลอการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคในระบบประสาทและสมอง เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ช่วยลดการอักเสบของเซลล์ตับที่มีความเสี่ยงการมีภาวะไขมันสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังช่วยดูแลและแก้ปัญหาสุขภาพของผู้หญิงวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ และช่องคลอดแห้ง

4.  วิตามินรวม (Multivitamins)
     พฤติกรรมที่ทำให้ของคนในยุคปัจจุบันมีสุขภาพที่ทรุดโทรมลง เช่น การพักผ่อนน้อย นอนดึกตื่นเช้าไม่รับประทานอาหารเช้า ไม่รับประทานผักผลไม้หรืออาหารที่มีประโยชน์ หรือทำงานหนัก ฯลฯ ต่างเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลง เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย และติดเชื้อได้ง่าย
     วิธีที่ตอบโจทย์และง่ายที่สุดสำหรับคนในยุคนี้สำหรับการดูแลร่างกายนอกจากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การรับประทานวิตามินรวมเพื่อเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดไปก็สามารถทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สำคัญอย่างเต็มที่

5.  วิตามินซี (Vitamin C)
     เป็นวิตามินพื้นฐานที่สำคัญมากต่อร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ต้องได้รับจากอาหารในธรรมชาติเท่านั้น เช่น ผักและผลไม้เท่านั้น เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยไปช่วยเสริมความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว ทำให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อมและการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย