ถึงแม้จะไม่ใช่ฤดูร้อนแต่ทุกคนก็สามารถเสี่ยงที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะโรคท้องเสียที่มีสาเหตุมาจาก โนโรไวรัส (Norovirus)
การระบาดของโรคท้องเสียที่มีอาการคล้ายกับอาหารเป็นพิษ โดยมีอาการถ่ายเหลวปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งมีพาหนะมาจากอาหารและน้ำที่รับประทานเข้าไป โดยโรคท้องเสียโนไรไวรัส (Norovirus) สามารถติดกันได้ง่ายได้ทุกวัยโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่มีโอกาสเสี่ยงจากการติดมาจากโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กและเมื่อกลับบ้านก็มีโอกาสที่จะนำเอาไวรัสชนิดนี้กลับมาแพร่ให้กับพ่อแม่ หรือคนครอบครัวได้
โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหารส่งผลให้เกิดอาการถ่ายเหลว อาเจียน และปวดท้อง บางรายอาจมีไข้ ซึ่งเป็นอาการคล้ายกับอาหารเป็นพิษ ทำให้คนเข้าใจผิดว่าท้องเสียจากอาหารเป็นพิษธรรมดา
แต่แท้ที่จริงแล้ว อาการท้องเสียจากโนโรไวรัส (Norovirus) เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่ติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว แม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย และสามารถพบได้ในทุกวัย เนื่องจากโนโรไวรัสสามารถทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ เมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม สามารถทำให้เกิดโรคท้องเสียได้
โดยโนโรไวรัส (Norovirus) พบได้บ่อยในฤดูหนาว เพราะไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น จนทำให้ในบางปีมีการระบาดเป็นวงกว้างและผู้ป่วยมีอาการอุจจาระร่วงเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าอาหารเป็นพิษ เพราะโนโรไวรัสสามารคงทนในสิ่งแวดล้อมและทนต่อน้ำยาฆ่าเชื้อ และแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสนี้ได้ โดยสำหรับสารที่จะใช้ทำลายเชื้อโนโรไวรัสได้แก่ น้ำยาที่มีส่วนประกอบของคลอรีน เช่น คลอรอกซ์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำยาล้างห้องน้ำ
แต่จากการศึกษาในต่างประเทศมีข้อมูลที่เชื่อถือได้พบว่า ‘โปรไบโอติกยีสต์’ (Probiotic Yeast) สามารถรับประทานเพื่อรักษาและป้องกันการเกิดอาการท้องเสียแบบเฉียบพลันได้ เมื่อมีการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด เช่น เมื่อมีเพื่อนนักเรียนหยุดเรียนจากอาการท้องเสีย เราก็สามารถให้เด็กรับประทานเพื่อป้องกันไว้ก่อนได้เลย เพราะโปรไบโอติก ยีสต์ ช่วยป้องกันและรักษาโรคระบบทางเดินอาหารช่วยรักษาอาการท้องเสียเฉียบพลันได้ดี ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้สูงอายุ
วิธีการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ทำได้โดยการรักษาความสะอาด หลังจากเข้าห้องน้ำหรือก่อนจะหยิบจับอาหารเพื่อรับประทานต้องล้างมือให้สะอากทุกครั้ง โดยการล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยสบู่ ให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาที นอกจากนี้ยังควรเลือกดื่มน้ำที่สะอาดและรับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด สดใหม่ ใช้ช้อนกลางทุกครั้งหากต้องรับประทานอาหารร่วงกับผู้อื่น หากสามารถทำได้ดังนี้ก็จะช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสได้