กว่า 50% ของอาการข้อเสื่อม นอกเหนือกจากอายุที่เพิ่มขึ้นก็มักมีสาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ท่าทางต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่ง การนอน หรือการเดิน ซึ่งท่าทางเหล่านี้มีโอกาสที่จะทำให้เสี่ยงกับปัญหาสุขภาพของข้อกระดูกในระยะยาว อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน
อาจจะดูเหมือนเป็นการนั่งเพื่อการผ่อนคลาย แต่น้ำหนักจากการกดทับน้ำหนักบริเวณก้นทั้งสองข้างที่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้ข้อกระดูกบริเวณสันหลังมีลักษณะโค้งงอผิดรูป และมีส่วนทำให้มีอาการปวดหลัง
2. นั่งหลังค่อม
เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคนในวัยทำงานที่นั่งหน้าจอคอม เป็นระยะเวลานานจนกล้ามเนื้อเกร็งค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวด เมื่อยล้า และเสี่ยงทำให้กระดูกสันหลังผิดรูปอีกด้วย
3. นั่งเก้าอี้ไม่เต็มก้น
การนั่งลักษณะนี้ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักกว่าปกติเนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัว ทำให้มีอาการปวดหลัง ปวดต้นคอ ซึ่งการนั่งแบบไม่เต็มก้นนี้จะสัมพันธ์กับพฤติกรรมหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว
4. ยืนบนส้นสูงบ่อยๆ เป็นเวลานาน
การยืนบนส้นสูงเปรียบเสมือนการยืนบนพื้นที่ลาดเอียงจะส่งผลกระทบต่อแกนกระดูกสันหลัง และแผ่นหลังให้แอ่นมากกว่าปกติ ทำให้ผู้หญิงที่ใส่รองเท้าส้นสูงบ่อยๆ และต้องยืนเป็นเวลานานส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดหลังเรื้อรัง และจะเสี่ยงกับอาการหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทในอนาคต
5. นั่งกอดอก
อาจจะสงสัยว่าการนั่งกอดอกทำไมถึงสัมพันธ์กับความเสื่อมของกระดูก เพราะการนั่งลักษณะนี้กระดูกหลังช่วงสะบักและหัวไหลถูกยืดออก ทำให้หลังช่วงบนงองุ้ม และกระดูกคอยื่นออกไปข้างหน้า หากนั่งเป็นเวลานานจะทำให้ปวดหลัง นอกจากนี้ยังมีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้กล้ามเนื้อมืออ่อนแรงได้อีกด้วย
6. นอนคว่ำ
การนอนคว่ำจะทำกระดูกสันหลังแอ่นกว่าปกติ จึงอาจก่อเกิดอาการปวดหลังและปวดคอตามมา
7. สะพายกระเป๋าข้างเดียว
การสะพายกระเป๋าที่เรียกว่า Shoulder Bag ที่ต้องอาศัยการพาดหัวไหล่แบบสะพายแล่ง หรือห้อยไว้บนหัวไหล่เป็นระยะเวลานานๆ มีโอกาสทำให้กระดูกสันหลังคด เนื่องจากกล้ามเนื้อและกระดูกต้องรองรับน้ำหนักที่มากอยู่เพียงข้างเดียว
8. ยกของหนัก
เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายกระดูกสันหลังโดยตรง เพราะแรงกดจากน้ำหนักของวัตถุจะส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลัง และเส้นเอ็นทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหลัง โดยเฉพาะหลังส่วนล่าง และอาจลามไปถึงบริเวณก้นกบ
คอลลาเจน ไฮโดรไลเซต สูตรฟอร์ทิเจล เป็นสารอาหารที่ผ่านขบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้คอลลาเจนที่มีขนาดและความยาวสั้นลง จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และน้ำเลี้ยงบริเวณกระดูกข้อต่อ อีกทั้งยังช่วยลดการเสียดสีของข้อต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ ชะลอการเกิดโรคข้อเสื่อม ป้องกันการอักเสบ และปวดข้อกระดูกได้
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.phyathai-sriracha.com/pytsweb/index.php?page=modules/knowledgepage&knowid=478
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/january-2011/posture-matters