หากกล่าวถึง “ยาบำรุงเลือด” หลายคนส่วนใหญ่คงนึกถึงประโยชน์ในด้านการรักษาภาวะเลือดจางมาเป็นอันดับแรก แต่ทราบหรือไม่ว่า “ยาบำรุงเลือด” ยังมีความสำคัญต่อร่างกายที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อน ทั้งนี้การมีเม็ดเลือดที่ดีและสมบรูณ์ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ ในทางกลับกันหากเม็ดเลือดไม่ดีและไม่สมบรูณ์ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน ดังนั้นเราควรหันมาตระหนักและใส่ใจกับการบำรุงเลือดกันให้มากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันอาการต่างๆ ที่จะเกิดกับร่างกายของเรา
สนใจหัวข้อไหน...คลิกเลย
“เลือด” คืออะไรและทำหน้าที่อะไร ?
เช็กร่างกายให้ดี 8 อาการเหล่านี้ ถึงเวลาที่คุณต้องบำรุงเลือด
3 สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบรูณ์
“เลือด” เป็นของเหลวมีสีแดงเพราะมีปริมาณเม็ดเลือดแดงเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก เลือดทำหน้าที่สำคัญในการนำออกซิเจนและอาหารไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกอวัยวะในร่างกาย และขนส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์เนื้อเยื่อมายังปอดเพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกายต่อไป นอกจากนี้เลือดยังเป็นระบบป้องกันด้วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายอีกด้วย
ยาบำรุงเลือด หรือยาบำรุงโลหิต คือยาที่ช่วยในการเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีความสมบรูณ์ และช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นยาที่ช่วยเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกายนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วในการบำรุงเลือดนั้นจะเป็นการเสริมด้วยธาตุเหล็ก โฟลิก และวิตามินบี12เพราะ ทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างมากต่อการสร้างเม็ดเลือด
สำหรับอาการเหล่านี้ เกิดจากภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลออกมาหลากหลายตามสาเหตุและความรุนแรง เช่น
รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
หน้ามืด เวียนศรีษะ
สมองช้า หลงลืมง่าย ขาดสมาธิ
เบื่ออาหาร ท้องอืด
หายใจลำบากขณะออกแรง
มือเท้าเย็น
สีหน้าและตัว แลดูซีด
เจ็บหน้าอก ใจสั่น
การรับประทานยาบำรุงเลือด มีข้อบ่งชี้ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในทางการแพทย์จะใช้สำหรับป้องกันและรักษา นอกจากนี้ยาบำรุงเลือดยังสามารถใช้ในผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายโดยรวมให้แข็งแรงสมบรูณ์มากขึ้น
1. ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง (Anemia) สาเหตุนี้จะพบมากที่สุด ซึ่งเกิดจากร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง เนื่องจากร่างกายขาดธาตุเหล็ก, วิตามินบี 12, กรดโฟลิค ในการผลิตเม็ดเลือดให้สมบรูณ์
2. ผู้หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ หรือตั้งครรถ์ เพื่อช่วยสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมอง ลดความพิการแต่กำเนิด
3. ผู้ที่บริจาคเลือด หรือผู้ที่เกิดการอุบัติเหตุ การกินยาบำรุงเลือดจะเสริมธาตุเหล็ก และช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดให้สมบูรณ์และแข็งแรงมากขึ้น
4. ผู้ที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอาจมามากหรือมาน้อย เช่นวัยเจริญพันธุ์หรือวัยทอง
5. ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียน ตัวซีด ไม่มีแรง
6. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ไตวายเรื้อรัง โรคเกี่ยวกับไขกระดูก หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ภาวะของโรคเหล่านี้ส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยกว่าปกติ
“เลือด” คือสิ่งสำคัญต่อร่างกายไม่ว่าจะเพศหรือช่วงอายุไหน หากภายในร่างกายของเรามีปริมาณเม็ดเลือดน้อย หรือ มีสีไม่เข้มพอ หรือ มีขนาดรูปร่างไม่สมบรูณ์ ก็อาจส่งผลเสียหรืออันตรายต่อสุขภาพได้
หากร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อย ส่งผลให้ร่างกายมีการผลิตออกซิเจนได้น้อยลงกว่าปกติ ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ซึ่งภาวะอาการนี้มักเกิดขึ้นได้บ่อยกับหลายๆคน โดยที่หลายคนไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วร่างกายมีการผลิตเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ในทางตรงกันข้ามหากเรามีเลือดที่ดีสมบรูณ์ก็ถือเป็นการป้องโรคร้าย และช่วยให้ระบบเลือดทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
1. ช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดใหม่ได้สมบูรณ์แข็งแรง บำรุงโลหิต
2. ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย อ่อนล่าในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสูงอายุหรือคนทั่วไป
4. ช่วยบำรุงร่างกายและส่งเสริมการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
5. ช่วยลดภาวะซีดจากผู้ที่เป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก : ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็กจะส่งผลให้ร่างกายผิดปกติ อ่อนเพลียได้ง่าย อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ร่างกายใช้ธาตุเหล็กเพื่อสร้างฮีโมโกลบินเพื่อลำเลียงออกซิเจนไปยังปอดและเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งแหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่เครื่องในสัตว์ (ตับและม้าม) เนื้อสัตว์ ไข่แดง หอย (หอยกาบ หอยนางรม หอยแมลงภู่) และถั่วต่างๆ ผักใบเขียว เช่นแอปริคอต และลูกเกด เป็นต้น
วิตามินบี12 : มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงระบบประสาท อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย สดชื่น หากร่างกายขาดวิตามินบี12 จะทำให้มีภาวะเลือดจางที่เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี12 สูงได้แก่ เนื้อ ปลา ไข่ นม ตับ รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วหมัก (ถั่วเน่า) เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ผักใบสีเขียวแก่ เป็นต้น
กรดโฟลิก (วิตามินบี 9 ) : เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ และช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ที่ทำงานควบคู่กับวิตามินบี12 แหล่งอาหารที่มีกรดโฟลิคสูง ได้แก่ผักใบเขียว เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ ถั่วลันเตา หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้องลูกเดือย เป็นต้น
คงจะได้ทราบกันดีแล้วว่า “ยาบำรุงเลือด” นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายประการ ซึ่งสามารถรับประทานได้ทุกเพศ และทุกวัย การมีเลือดที่ดีแข็งแรงสมบรูณ์ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสเจ็บป่วย ช่วยส่งเสริมระบบเลือดทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care
Ref
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/may-2020/vitamin-b12-deficiency
https://medthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81/
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/936/Anemia