เช็กลิสต์! คุณเสี่ยงเป็นข้อเสื่อม และกระดูกพรุน หรือไม่ ?

เช็กลิสต์! คุณเสี่ยงเป็นข้อเสื่อม และกระดูกพรุน หรือไม่ ?

   โรคข้อกระดูกเสื่อม และโรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนไทยในปัจจุบันมากขึ้นซึ่งโรคข้อกระดูกเสื่อมและโรคกระดูกพรุน ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดได้กับคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคข้อกระดูกเสื่อม และโรคกระดูกพรุน รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้ข้ออยู่เป็นประจำ  

   ดังนั้นควรสังเกตความเสี่ยงและเช็กอาการข้อเสื่อมและกระดูกพรุนเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ เพื่อลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและโรคข้อกระดูกเสื่อม รวมถึงวิธีป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อยืดอายุของข้อเข่าและกระดูกให้ดีและแข็งแรง เพื่อการดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น

 

เช็กลิสต์ ! คุณเสี่ยงเป็นโรคข้อเสื่อม และโรคกระดูกพรุน หรือไม่ ?   

  มีเสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บบริเวณข้อขณะเคลื่อนไหว
  งอเข่าหรือเหยียดขาได้ไม่สุด
  ปวดข้อขณะเคลื่อนไหว
  ข้อกระดูกอักเสบ บวม แดง
  รู้สึกฝืดหรือติดขัดบริเวณข้อ
  หลังค่อม
  ส่วนสูงของร่างกายลดลง
  ปวดที่กระดูก

 ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นข้อเข่าเสื่อม และโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร ? 

  ผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดในผู้ที่อายุน้อยได้เช่นกัน
  ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
  ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม
  ผู้ที่ชอบใส่รองเท้าส้นสูง
  ผู้ที่ชอบนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ
  ผู้ที่ชอบนั่งยองๆ นานๆ
  ผู้ที่กินน้ำอัดลมทุกวัน
  ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟเยอะเกินไป
  ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุต่อข้อ เช่น ข้อหลุดเคลื่อน กระดูกหัก
  นักกีฬาที่ต้องใช้ข้อเข่า เช่น นักฟุตบอล
  ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้ข้อออกแรงในชีวิตประจำวันเช่น ทันตแพทย์ ช่างซ่อมต่างๆ พนักงาน BA พนักงานPC  เป็นต้น
 

 โรคข้อกระดูกเสื่อม และโรคกระดูกพรุนป้องกันได้ ก่อนวัยอันควร ? 

  การควบคุมน้ำหนัก : การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ลดโอกาสในการเกิดโรคข้อเสื่อมและชะลอไม่ให้โรคข้อเสื่อมเป็นมากขึ้นกว่าเดิม โดยข้อที่ต้องรับน้ำหนัก ได้แก่ ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อกระดูกสันหลัง และข้อสะโพก
  รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมสด เต้าหู้  กล้วย งา กุ้งฝอย ผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น
  ออกกำลังกายและบริหารร่างกาย จะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง และช่วยป้องกันข้อติดและทำให้การเคลื่อนไหวของข้อเป็นไปได้อย่างปกติ
  ปรับเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ ไม่อยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไป ไม่ควรยืน คุกเข่า หรือนั่งยองเป็นเวลานาน
  หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพราะจะทำให้เกิดการปวดหัวเข่าและข้อเสื่อม
  หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน  

    นอกจากการปรับพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคข้อเสื่อมและโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร คือ การเลือกเสริม 2 สารอาหารสำคัญอย่าง “คอลลาเจน ไฮโดรไลเซต” และ “แคลเซียมปริมาณสูง”  

2 สารอาหารสำคัญ ป้องกันข้อเสื่อม และเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง 

คอลลาเจน ไฮโดรไลเซต (Collagen Hydrolysate) คอลลาเจนบำรุงข้อเข่าโดยเฉพาะ

   คอลลาเจน ไฮโดรไลเซต หรือ คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นคอลลาเจนทางการแพทย์ที่ใช้ในรักษาและบำรุงเกี่ยวกับข้อโดยเฉพาะ ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของคอลลาเจนชนิดนี้จะผ่านขบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้คอลลาเจนที่มีขนาดและความยาวสั้นลง  เพื่อทำให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนง่ายขึ้นและร่างกายสามารถนำไปสร้างข้อกระดูกอ่อนและน้ำเลี้ยงข้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีผลวิจัยทางการแพทย์ว่าสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาโรคข้อเสื่อมได้ 

แคลเซียม (Calcium) สารอาหารสำคัญ ป้องกันโรคกระดูกพรุน และเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง     

   แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดย 99% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน ดังนั้นแคลเซียมจึงมีความสำคัญต่อร่างกายและจำเป็นต่อทุกเพศ ทุกวัย การเลือกเสริมแคลเซียมปริมาณสูงในรูปแบบเสริมอาหารก็เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและมวลกระดูก ไม่เปราะหักง่าย และลดโอกาสการเป็นโรคกระดูกพรุนในอนาคตได้   

   ซึ่งควรเลือกเสริมแคลเซียมที่มีปริมาณแคลเซียมอิสระต่อเม็ด 600-800 มิลลิกรัมและอยู่ในรูปแบบแคปซูลนิ่ม (Soft Gel)  ที่มีลักษณะเป็น 'แคลเซียมเหลว' ซึ่งคุณสมบัติที่แตกต่างจากแคลเซียมตามท้องตลาดทั่วไป เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องการละลาย และสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งควร พิจารณาแคลเซียมที่มีวิตามินดี (Vitamin D) ผสมอยู่ด้วย จะช่วยทำให้ทางเดินอาหารดูดซึมแคลเซียมได้มากขึ้น ได้รับแคลเซียมเข้าไปในกระดูกมากขึ้น

  จะเห็นได้ว่าโรคข้อเสื่อม และโรคกระดูกพรุน สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นสิ่งสำคัญควรหมั่นสังเกตตัวเอง หรือคนหรือคนใกล้ตัวว่า มีอาการต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ เพราะหากปล่อยไว้ไม่ดูแลหรือป้องกันไว้ก่อน อาจส่งผลกระทบกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันจนอาจทำให้เดินไม่ไหว และมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care   

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้