ไขข้อสงสัย “ครีมทาฝ้า” รักษาหายได้จริงมั้ย?

ไขข้อสงสัย “ครีมทาฝ้า” รักษาหายได้จริงมั้ย?

ไขข้อสงสัย “ครีมทาฝ้า” รักษาหายได้จริงมั้ย?

  ปัญหา “ฝ้า” นับเป็นปัญหาหนักใจโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้หญิง  ซึ่งเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาฝ้าต่างหาวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด หนึ่งในนั้นคือการตัดสินใจเลือกใช้ “ครีมทาฝ้า” เพื่อหวังผลในการรักษาให้ฝ้าหายขาดอย่างถาวร…   

   แต่เราจะทราบได้อย่างไรครีมทาฝ้าที่ใช้อยู่มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน  และมีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้าได้จริงหรือไม่ วันนี้ Mega We care มีข้อมูลดีๆ ในการเลือกพิจารณาครีมทาฝ้า เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัย และทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครีมทาฝ้าอย่างละเอียดมากขึ้น

 สนใจหัวข้อไหน 

รู้จัก “ครีมทาฝ้า” ให้ดีมากขึ้น

  ปัจจุบันครีมทาฝ้า มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดและสื่อออนไลน์เป็นจำนวนมาก และมีการอ้างสรรพคุณเกินจริง  ซึ่งครีมทาฝ้าบางชนิดอาจมีอันตรายต่อผิวหนัง และส่งผลกระทบหลายระบบของร่างกาย โดยเฉพาะครีมทาฝ้าที่ไม่ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา อาจมีการลักลอบหรือแอบใส่สารต้องห้าม ได้แก่ สารปรอท สารไฮโดรควิโนน  สเตียรอยด์ กรดเรติโนอิก เป็นต้น

 4 สารอันตรายที่พบบ่อยใน “ครีมทาฝ้า”  

ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)  

   ไฮโดรควิโนนจะไปยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดสีเมลานิน และยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ส่งผลให้ปริมารเม็ดสีลดลง

   ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคือ มีอาการแสบร้อน ตุ่มแดงและมีผิวคล้ำมากขึ้น และเมื่อใช้นานๆยังทำให้เกิดฝ้าอย่างถาวร และบางรายอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้

ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของปรอท (Mercury)  

   สารปรอทส่วนใหญ่มักมีราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่ายและนิยมนำมาใส่ในครีมทาฝ้า เพื่อลดรอยดำบนใบหน้า สารปรอทจะยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง สีผิวจางลงเช่นกัน

    แต่อย่างไรแล้วผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดงได้ จนทำให้ผิวหน้าดำ คล้ำไหม้ แต่เมื่อใช้ระยะเวลานานๆ จะทำให้เกิดการสะสม ของปรอทเป็นจำนวนมากจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลต่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ ไตอักเสบ ได้  

ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroid) 

   สเตียรอยด์ มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานิน หากใช้สารเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้มสูงติดต่อกัน จะทำให้ผิวหน้าบางตัวลง สีผิวหนังซีด เกิดเป็นด่างขาว และอาจกิดเป็นอาการติดสเตียรอยได้ในที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของกรดเรติโนอิก (Retinoic acid)  

   กรดเรติโนอิก หรือ เรตินอยด์(Retinoids) มีผลรบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสี โดยมีกระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ของผิวหนัง

    ผลข้างเคียงจากการใช้ยาดังกล่าว ทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง เกิดการลอก และส่งผลให้แพ้แดดได้ง่ายยิ่งขึ้น จนเกิดการอักเสบ ผิวไหม้ ผิวคล้ำได้ง่านขึ้น และยังอันตรายต่อทารกในครรภ์อีกด้วย

เลือก “ครีมทาฝ้า” อย่างไร ให้ปลอดภัยกับผิว  

  เลือกครีมทาฝ้าที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา
  เลือกครีมทาฝ้าที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวที่ อย. สั่งห้ามเช่น  สารปรอท สารไฮโดรควิโนน  สเตียรอยด์ และกรดเรติโนอิก เป็นต้น
  เลือกครีมทาฝ้าที่มีฉลาก ระบุสถานที่ผลิต ผู้ประกอบการ ส่วนผสม วันเดือนปีหมดอายุ อย่างชัดเจน และแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ

   อย่างไรก็ตามการเลือกดูแลรักษาฝ้าจาก “ครีมทาฝ้า” อาจจะไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ  เพราะนอกจากจะเสี่ยงอันตรายต่อผิวหน้าแล้ว เมื่อหยุดใช้ฝ้าก็จะกลับมาเป็นซ้ำได้ หรือในบางรายอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวรได้นั่นเอง   

    ดังนั้น หากต้องการแก้ปัญหาฝ้าให้ตรงจุด ควรเริ่มแก้จากภายใน โดยการเริ่มจาก ‘ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง’ ด้วยสารอาหารจากธรรมชาติซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ผิวแข็งแรงสามารถทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้นและช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไปเพื่อช่วยป้องกันรังสี UVและ UVB

3 ขั้นตอนแก้ไขปัญหา “ฝ้า” ได้อย่างตรงจุด

ลดเลือน  : การลดเลือนฝ้า ด้วยการดูแลภายใน โดยการ ‘ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง’ ถือเป็นวิธีการลดเลือนฝ้าให้จางได้จากต้นเหตุ โดยกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากธรรมชาติจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวได้  อาทิ  สารสกัดจากเปลือกสน วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น  

บำรุงผิว : พื้นฐานผิวที่ดี คือผิวที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง เพราะเมื่อเซลล์ผิวไม่แข็งแรงก็จะทำให้ฝ้ากลับมา  สิ่งสำคัญของการบำรุงผิวคือการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างหลักของผิว เมื่อเซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในก็จะช่วยให้การทำงานของเซลล์เม็ดสีกระจายตัวได้สม่ำเสมอ ไม่เกาะกลุ่ม ไม่กระดำกระด่าง รอยฝ้าจางลง ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว  ด้วยสารสกัดจากข้าว วิตามินอี เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและไม่กลับมาเป็นฝ้าซ้ำ

ป้องกัน : หลักสำคัญของการรักษาฝ้า คือการป้องกันผิวจากรังสี UV เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานผิดปกติอีกครั้งได้ ดังนั้นต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง เช่นการทาครีมกันแดดที่มี คุณสมบัติป้องกันทั้ง UVA และ UVB และมีค่า SPF มากกว่า 50 ขึ้นไป รวมถึงการรับประทานสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันรังสี UV ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยปกป้องผิวได้เช่นกัน ได้แก่สารสกัดจากมะเขือเทศ และสาหร่ายดีซาลีน่า ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากอาการผิวไหม้จาก

   ปัจจุบันการแก้ปัญหาฝ้าอย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่มีบทบาทเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้น ต่างมีบทบาทในการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดด้วย 3 ขั้นตอน ทั้งลดเลือน บำรุงและป้องกัน ให้ความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้าได้อย่างดี พร้อมกับมีหลักฐานทางการแพทย์

 6 สารอาหารจากธรรมชาติที่ช่วยแก้ปัญหา “ฝ้า”

สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส: สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในแถบยุโรป มีบทบาทช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและปรับโครงสร้างผิวเพื่อให้เกิดความสมดุลในการสร้างเม็ดสี ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ “จากการศึกษาพบว่าทำให้พื้นที่ความเข้มของฝ้าจางลงและยังช่วยป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำอีกด้วย”

วิตามินอี: เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ ที่มีคุณสมบัติในชะลอความเสื่อมโทรมและเสริมสร้างความแข็งแรงเซลล์ผิว และช่วยเสริมการทำงานกับสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศสและวิตามินซีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

วิตามินซี: ด้วยบทบาทในการต่อต้านอนุมูลอิสระนั้น ทำให้ช่วยส่งเสริมการทำงานของวิตามินอีและสารสกัดจากเปลือกสน ช่วยเสริมความแข็งแรงให้เวลล์ผิว บำรุงอย่างต่อเนื่อง

สารสกัดจากข้าว: ช่วยอุ้มน้ำให้กับผิว จึงยังคงความชุ่มชื้นของผิวไว้ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่าง ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ บำรุงผิวพื้นฐานให้แข็งแรงจากภายใน

สารสกัดจากสาหร่าย ดี ซาลีนา : อุดมไปด้วยสารกลุ่มคาร์โรทีนอยด์และเบต้าแคโรทีน มีคุณสมบัติ ปกป้องผิวจากการถูกทำลายด้วยแสงแดดที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฝ้า เสมือนเป็นกันแดดให้กับผิว

สารสกัดจากมะเขือเทศ: อุดมไปด้วยสารไลโคพีน ที่ช่วย ปกป้องผิวจากการถูกทำลายด้วยแสงแดด ทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น เสริมการทำงานร่วมกับเบต้าคาร์โรทีนจากสาหร่ายดี ซาลีนา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

   คงจะได้ทราบคำตอบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า “ครีมทาฝ้า” ใช้แล้วฝ้าหายขาดได้จริงไหม รวมถึงข้อควรพิจารณาในการเลือกซื้อครีมทาฝ้าอย่างไรให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตามการรักษาฝ้าอย่างได้ผลและยั่งยืน ควรใช้ครีมกันแดด พักผ่อนให้เพียงพอ และกินสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อผิวให้ครบถ้วนอยู่เสมอ เพียงแค่นี้คุณก็จะหน้าใส ไร้ฝ้า อีกต่อไปด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.rama.mahidol.ac.th/ramapharmacy/th/knowledge/general/04072016-2055-th
https://alert.dmsc.moph.go.th/pages/storearticleview?id=1
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3/
https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/detail/media_printing/1885

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้