แม้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม แต่การเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในยุค New normal เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งเรื่องสุขภาพและการเจริญเติบโตของเด็กวัยเรียน ซึ่งพ่อแม่ควรต้องใส่ใจและดูแลลูกๆมากเป็นพิเศษเพราะใน 1 วัน ลูกต้องทำกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งเรียนหนังสือ เล่นกีฬา ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ซึ่งทำให้เสี่ยงที่จะต้องเจอเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อยู่รอบตัว ยิ่งด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ยังไม่น่าไว้วางใจ ทั้งโรคระบาดที่เกิดในเด็กหรือโรคที่มาพร้อมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้พ่อแม่หลายคนกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของลูกเมื่อต้องไปอยู่ที่โรงเรียน
ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้คือการกำชับให้ลูกๆ สวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา มีการเว้นระยะห่าง และฝึกให้ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์บ่อยๆ หลังจากสัมผัสกับสิ่งของ เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคและสิ่งสกปรก การเตรียมของใช้ที่จำเป็นพกติดกระเป๋าเอาไว้ เช่น หน้ากากอนามัยอันใหม่ แอลกอฮอล์ล้างมือทิชชู่เปียก เป็นต้น
นอกจากวิธีข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น การดูแลสุขภาพจากภายในก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งการดูแลสุขภาพจากภายในสามารถทำได้ด้วยการเลือกเสริมสารอาหารสำคัญ อย่าง DHA วิตามินซี แคลเซียม โกรทฮอร์โมน และวิตามินรวมสำหรับเด็กวัยเรียน เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย พร้อมทั้งมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ตามวัยทั้งสมองและร่างกาย ดังนั้นเมื่อลูกสุขภาพที่แข็งแรงก็สามารถสนุกได้เต็มที่ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนและการทำกิจกรรมต่างๆ
ดีเอชเอ กรดไขมันจำเป็นในกลุ่มโอเมก้า-3 ได้รับจากการรับประทานอาหารจำพวกปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาทูน่า ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงสมองและสายตา เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้ ป้องกันโรคสมาธิสั้น โดยมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น ได้ระบุเอาไว้ว่าพัฒนาการทางสมอง 40% ของเด็กที่เกิดโรคสมาธิสั้นมักมีระดับ DHA ในเลือดต่ำ ดังนั้นเด็กในช่วงอายุ 1-12 ปี ควรได้รับปริมาณ DHA ที่เพียงพอประมาณ 20 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กม. ถือได้ว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญกับเด็กตั้งแต่แรกเกิด นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิตามินพื้นฐานของเด็กวัยเรียนที่ควรได้รับ ได้แก่ เลซิติน น้ำมันปลา วิตามินบี ลูทีน คาร์โรทีนอยด์ เหล็ก และแร่ธาตุสังกะสี เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ร่างกายเจริญเติบโตสมวัยและพัฒนาการทางด้านสมอง รวมไปถึงการบำรุงสายตาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้ดียิ่งขึ้น
วิตามินซีเป็นอีกหนึ่งวิตามินพื้นฐานที่จำเป็นกับคนทุกช่วงวัย ซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องได้จากการรับประทานอาหารเท่านั้น เช่น ผักและผลไม้สด โดยวิตามินซีมีประโยชน์ในด้านเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดแดง ป้องกันหวัด ไม่ป่วยบ่อย และยังสามารถลดระยะเวลาในการเป็นหวัดให้หายได้เร็วขึ้น แต่สำหรับเด็กบางคนที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายมีวิตามินซีไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามินซีในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อป้องกันร่างกายขาดวิตามินซี
ในปัจจุบันวิตามินซีมีหลากหลายรูปแบบ โดยแบบชงดื่ม มีความสะดวกต่อการรับประทานหากเด็กไม่ชอบกินแบบเม็ดได้ สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆ ได้ ไม่มีความเป็นกรดและไม่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ซึ่งวิตามินซีควรมีไบโอฟลาโวนอยด์ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น และวิตามินซีสามารถอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นอีกด้วย แต่อีกหนึ่งรูปแบบที่เด็กๆ ชอบกิน คือ วิตามินซีในรูปแบบเยลลี่ สามารถกินแทนขนมขบเคี้ยวในระหว่างวัน และยังได้รับวิตามินซีที่เพียงพอใน 1 วัน เท่ากับการกินส้ม 1 ผล
สารอาหารที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ เมื่อเด็กมีการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์กระดูกยืดตัว ซึ่งมีส่วนในการเพิ่มความสูง โดยเด็กอายุ 4-10 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800 มล.ต่อวัน และในช่วงอายุ 11-18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800-1,200 มล.ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้แคลเซียมยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกายในการทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาต่างๆ ช่วยส่งเสริมการสร้างพัฒนาการทางร่างกายได้ดียิ่งขึ้น โดยแคลเซียมมักได้จากนม ผักใบเขียว และอาหารทะเลที่มีแคลเซียมสูงอย่าง ปลาตัวเล็ก กุ้งแห้ง เป็นต้น
โกรทฮอร์โมนถือได้ว่าเป็นฮอร์โมนที่สำคัญมาก ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อที่ปลายกระดูกอ่อน ให้แบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์และขยายขนาด ส่งผลให้เด็กมีความสูงเพิ่มขึ้น หากร่างกายเด็กขาดโกรทฮอร์โมนจะส่งผลเสียทำให้เกิดภาวะเตี้ย แคระ และเติบโตช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ และยังมีผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของเด็กอีกด้วย