การนอนไม่หลับ คือหนึ่งในปัญหาสุขภาพเมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ โดยสถิติจากกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผยว่า คนไทยมีปัญหานอนไม่หลับในตอนกลางคืนมากถึงร้อยละ30-40 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นอัตรา 1 ต่อ 5คน คือในคนสูงอายุห้าคน จะพบกับคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับหนึ่งคน ซึ่งอาการที่พบก็ได้แก่หลับยาก  ตื่นกลางดึกเป็นประจำ หรือนอนหลับๆ ตื่นๆ

สาเหตุของการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ

     จากการเก็บสถิติทางการแพทย์พบว่า สาเหตุของปัญหาการนอนไม่หลับในคนสูงอายุเกิดจาก 5 สิ่งหลักต่อไปนี้

1. การทำงานของร่างกายที่เสื่อมลง
เนื่องจากอายุเพิ่มขึ้น
2. ระดับฮอร์โมนที่ลดลง
เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงสูงวัยที่หมดประจำเดือน ฮอร์โมนเมลาโทนิน
3. โรคประจำตัวที่รบกวนการนอน
เช่น โรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชายสูงวัย หรือโรคกรดไหลย้อน
4. ความเครียด และวิตกกังวล
5. การกินยาบางชนิด

     แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม หากปล่อยไว้โดยไม่มีการรักษาจนนอนไม่หลับเรื้อรัง สิ่งที่จะตามก็ ก็คือ ปัญหาสุขภาพโดยรวมด้านอื่นๆ เช่น ไม่สดชื่น อ่อนเพลียมากกว่าปกติ และในบางรายไม่สามารถทำงานหรือชีวิตประจำวันปกติได้ หงุดหงิดง่ายขึ้น ความจำลดลง คิดช้า สมองตื้อ เสี่ยงกับการเป็นโรคสมองเสื่อมเร็วขึ้น หรือเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหัวใจ นอกจากปัญหาที่แสดงออกทางด้านร่างกายแล้ว การนอนไม่หลับยังส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ เช่น วิตกกังวลมากขึ้นและสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้

เคล็ดลับที่จะช่วยให้คนสูงอายุนอนหลับดีขึ้น

     การแก้ปัญหาการนอนไม่หลับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้ การคุณภาพการนอนหลับดีขึ้นได้ก็คือ

1. กำหนดเวลาในการเข้านอนและการตื่นนอนในแต่ละวันให้เป็นเวลา

2. อย่าฝืนนอนหลับ
หากนอนไม่หลับภายใน 20 นาที ควรลุกขึ้นมาทำกิจกรรม อื่นๆ ที่สร้างความผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบาๆ พอเวลาผ่านไปถ้ารู้สึกง่วงอีกครั้งจึงเข้านอน

3. หลีกเลี่ยงการนอนในเวลากลางวัน
แต่ถ้าง่วงจริงๆ แนะนำให้งีบหลับเพียงไม่เกิน 15 นาที แต่ไม่ควรงีบหลับในช่วงเวลาตอนเย็น

4. ควรออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น แต่ควรงดการออกกำลังกายอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเวลานอน

5. งดเครื่องดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ก่อนนอน
เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีคาเฟอีนที่ไปกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว

6. งดสูบบุหรี่ โดยเฉพาะช่วงเย็นและช่วงค่ำ

7. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนนอน
เพราะอาหารที่กินเข้าไปอาจจะทำให้เกิดอาการอึดอัด แน่นท้อง เนื่องจากอาหารยังไม่ย่อย และเสี่ยงกับการเป็นโรคกรดไหลย้อน

8.  ทำกิจกรรมผ่อนคลาย 1-2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน
เช่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบาๆ  แต่ไม่ควรใช้ สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะไปกระตุ้นให้สมองตื่นตัว
ทำให้นอนหลับยาก  ดังนั้นควรต้องงดใช้อุปกรณ์ดังกล่าวก่อนนอน 30 นาที

สมุนไพรจากรากวาเลอเรียน (Valerian Root) ทางเลือกที่ดีของการแก้ปัญหานอนไม่หลับในคนสูงอายุ

     นอกเหนือจากการปรับพฤติกรรมต่างๆ ก่อนนอน และระหว่างวันที่ควรจะต้องปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาการนอนไม่หลับแล้ว วิธีการในปัจจุบันซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นก็คือ การใช้สมุนไพรที่ชื่อว่า รากวาเลอเรียน (Valerian Root)

     โดยสมุนไพรชนิดนี้มีต้นกำเนิดอยู่แถบยุโรป และมีการนำมาใช้รักษาอาการนอนไม่หลับ และคลายความวิตกกังวล จนได้รับการยอมรับ และถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาสมุนไพรเพื่อช่วยการนอนหลับ ในหลายประเทศแถบยุโรป เช่น เยอรมนี เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี เป็นต้น

     คุณสมบัติของรากวาเลอเรียนจะออกฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ โดยไปเพิ่มสารสื่อประสาทส่วนกลางที่ทำให้นอนหลับ และยังมีฤทธิ์คลายวิตกกังวล โดยในต่างประเทศมีผลงานวิจัย พบว่าเมื่อใช้สารสกัดจากรากวาเลอเรียน (Valerian root) วันละ 450 มิลลิกรัม กับคนที่มีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมาแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์ โดยให้รับประทานเป็นระยะ 14-28 วัน สามารถช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น นอนหลับง่าย หลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึก และไม่ง่วงซึมหลังตื่นนอน

การนอนหลับที่ดี มาพร้อมกับคุณภาพชีวิตดี

     การนอนหลับในแต่ละคืนที่เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการมีสุขภาพที่ดี เพราะขณะนอนหลับร่างกายจะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และพักผ่อนอย่างเต็มที่ รวมถึงฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายก็จะหลั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญช่วยให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นได้ตามธรรมชาติ

     ดังนั้นหากใครก็ตามที่เริ่มประสบปัญหาการนอนไม่หลับ ควรจะต้องรีบปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และนำเคล็ดลับต่างๆ ไปปรับใช้ รวมทั้งพิจารณาทางเลือกใหม่ด้วยการใช้สมุนไพรจากรากวาเลอเรียน เพื่อการแก้ปัญหาการนอนไม่หลับอย่างยั่งยืน

     “ถึงจะสูงวัย แต่ก็นอนหลับได้ดี และมีคุณภาพได้” ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care