โรคกระดูกพรุน ภัยเงียบที่ต้องระวังของผู้สูงอายุ

โรคกระดูกพรุน ภัยเงียบที่ต้องระวังของผู้สูงอายุ

     หากจะพูดถึงโรคทางกระดูกที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคงหนีไม่พ้น โรคกระดูกพรุน ซึ่งผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนนั้นมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ง่ายกว่าคนทั่วไป และผู้ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น!! คำถามคือโรคกระดูกพรุนเกิดจากอะไร? ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนต้องดูแลตัวเองอย่างไร? ตาม MEGA We care ไปหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อม ๆ กัน

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คืออะไร ?

     โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เกิดจากความหนาแน่นของกระดูกและแคลเซียมในกระดูกนั้นเริ่มลดลงกว่าปกติ จึงส่งผลให้กระดูกมีความเปราะบางไม่สามารถรับน้ำหนักได้เหมือนเดิมซึ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรค โดยเฉพาะเมื่อมีอายุ 40+ ปี ฮอร์โมนที่สำคัญของร่างกายจะผลิตได้น้อยลง หรือที่เรียกว่าภาวะพร่องฮอร์โมน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการสร้างกระดูกลดลง จนกระดูกบางลง กระดูกจึงเปราะ หรือหักได้ง่ายกว่าคนในช่วงวัยอื่น ๆ  นอกจากการเสื่อมสลายของแคลเซียมที่เป็นไปตามวัยแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำเกิดภาวะกระดูกพรุนในกลุ่มผู้สูงวัยได้อีกด้วย ดังนี้

1.  ดื่มกาแฟเป็นประจำ 
     เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟจะไปขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย และเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ

2.  ไม่ชอบออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกาย
     จากสถิติพบว่าคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

3.  ดื่มสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
     แอลกอฮอล์จะเข้าไปลดประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ทำให้กระดูกเสื่อมได้เร็วขึ้น

4.  สูบบุหรี่เป็นประจำ
     สารพิษในบุหรี่ โดยเฉพาะนิโคติน (Nicotine) จะไปทำลายเซลล์ของมวลกระดูกให้บางลง

5.  ร่างกายขาดแร่ธาตุแคลเซียมหรือวิตามินดี
     การขาดสารอาหารในร่างกายบางอย่าง โดยเฉพาะแคลเซียม (Calcium) และวิตามินดี รวมทั้งการรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างมวลกระดูก

6. หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง  ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงจึงส่งให้มวลกระดูกเสื่อมลง โดยจากผลการสำรวจพบว่าเมื่อเข้าสู่วัยทองแล้วมวลกระดูกจะลดลงปีละ1-2%
    

     และเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแย่ลง เพราะต้องทนกับอาการปวดหลัง หลังโก่งงอ เคลื่อนไหวได้ลำบาก ปอดทำงานได้ไม่ดีทำให้เหนื่อยง่าย หรือแม้แต่ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก ดังนั้นการดูแลรักษามวลกระดูกในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และกระดูกหักได้ง่ายกว่าปกติ

โรคกระดูกพรุน ป้องกันได้อย่างไร ? 

   ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก หรือการรำมวยจีน จะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง 
  หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น กาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์
  ออกไปรับแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าหรือตอนเย็น วันละ10-15 นาที จะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ดีขึ้น
  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เช่น นม ชีส ปลาตัวเล็ก และผักใบสีเขียวเข้ม

และนอกเหนือจากโรคกระดูกพรุนด้วยการดูแลตัวเองที่ได้แนะนำไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้ด้วยการเสริมสารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC), Vitamin D3 และ Vitamin K

สารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal

  Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC) เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ 100% ที่สกัดได้จากกระดูกวัว มีส่วนประกอบของแคลเซียม โปรตีน และฟอสฟอรัสที่ช่วยสร้างความหนาแน่นของเนื้อกระดูก ช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  Vitamin D3 ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี และช่วยเสริมการสร้างของกระดูก
  Vitamin K2 ช่วยสร้างความแข็งแรงให้มวลกระดูกจากการสร้างโปรตีนที่มีชื่อว่า ออสทีโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Vitamin D3 ในการเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก และยังลดการเกาะของแคลเซียมหรือหินปูนที่หลอดเลือดแดงที่ไปเกาะเนื้อเยื่อกระดูกได้ดีขึ้น

    และนอกจากโรคกระดูกพรุนที่เป็นภัยเงียบของผู้สูงอายุแล้ว อีกหนึ่งภัยเงียบที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินคือ หินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดหัวใจหรือความเสื่อมโดยธรรมชาติจึงทำให้เกิดคราบ “หินปูน” หรือ “แคลเซียม” มาเกาะบริเวณภายในหลอดเลือด เมื่อเกิดการเกาะแน่นเป็นเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากภาวะอุดตัน ในบางรายหากมีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

     สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ สมองอุดตัน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน มักมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีร่างกายปกติและสุขภาพแข็งแรง แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือดสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  เน้น โปรตีน ผัก ผลไม้ ธัญพืช ให้มากขึ้น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  รวมถึงตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เป็นต้น และนอกจากนั้นการเสริมสารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC), Vitamin D3 และ Vitamin K2 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดความเสี่ยงของภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือดได้เช่นกัน

     แต่อย่างไรก็ตามเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยและทุกคนในครอบครัว แนะนำว่าควรตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกทุกปี หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้กระดูกบางหรือกระดูกพรุน และที่สำคัญต้องเลือกกินอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเหมาะสมกับสภาพร่างกาย   ด้วยความห่วงใยจาก_ MEGA We care

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้