ในปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำใหคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนทั่วไปต่างพึ่งพาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในการสื่อสารมากขึ้น จนทำให้พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในสังคมก้มหน้า เพราะในแต่ละวันจ้องแต่จอ กดปุ่มสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็ก่อให้เกิดอันตรายและผลเสียต่อสุขภาพดวงตาเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ร่างกายฟ้องออกมาจากพฤติกรรมการจ้องหน้าจอนานๆ ที่ส่งผลเสียโดยตรงทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเกร็งตัว เมื่อมองแสงสีของภาพจากจอที่ฉูดฉาด เคลื่อนที่เร็ว ทำให้ประสาทตาล้า เกิดอาการตาแห้ง ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้บ่อยครั้งเข้าก็จะส่งผลให้ประสาทตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเสี่ยงเป็นโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer vision syndrome) ได้ถึง 75%
6 ปัจจัยทำลายดวงตา
ทำงานอยู่หน้าจอคอมฯ ติดต่อกันนานกว่า 3 ชม.
ทำงานหรือมีกิจกรรมกลางแสงแดดจ้า
สูบบุหรี่
เป็นโรคเบาหวาน
อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
ทานผักผลไม้น้อยกว่า 4 ขีดต่อวัน
โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (CVS) คืออะไร
โรคนี้เกิดจากพฤติกรรมการมองจอภาพเป็นเวลานานต่อเนื่องเกิน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและประสาทตาเพ่งจอตลอดเวลาจนเกิดอาการดวงตาล้า แสบตา ตามัว ตาแห้ง น้ำตาไหล มองเห็นภาพซ้อน ตาโฟกัสช้า เคืองตา และบ่อยครั้งมีอาการปวดหัว ปวดคอ ปวดไหล่ หรือปวดหลังร่วมด้วย ระดับความรุนแรงของอาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้สายตาอยู่หน้าจอ ซึ่งทั้งหมดคือสัญญาณเตือนของการเกิดโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม และหากปล่อยทิ้งไว้ยังมีโอกาสที่จะเกิด ภาวะสายตาสั้นเพิ่มขึ้นถึง 30 %
การแก้ไขและป้องกันโรค CVS
วางหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากดวงตาประมาณ 20 – 28 นิ้ว และควรให้จุดกึ่งกลางของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาในแนวราบประมาณ 4 - 5 นิ้ว
ปรับแสงสว่างหน้าจอให้พอเหมาะและไม่สว่างเกินไป
หากลักษณะงานต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้ง วันทุก 1 - 2ชั่วโมง ควรพักการใช้สายตาเป็นระยะ โดยใช้สูตรการพักสายตา 20 -20 - 20 คือ ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุก 20 นาที แล้วมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลอย่างน้อย 20 ฟุต นานประมาณ 20 วินาที
ขณะทำงานหน้าจอ ควรฝึกกะพริบตาบ่อย ๆ และหากแสบตามากอาจใช้น้ำตาเทียมช่วย ปรับห้องและบริเวณทำงาน อย่าให้มีแสงสะท้อนจากหน้าต่าง หรือหลอดไฟบริเวณเพดานห้องสะท้อนเข้าตา
ควรใช้แผ่นกรองแสงวางหน้าจอ หรือใส่แว่นกรองแสง
ปรับเก้าอี้นั่งให้พอเหมาะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ใช้แว่นตา 2 ชั้น จะต้องตั้งจอภาพให้ต่ำกว่าระดับตา เพื่อจะได้ตรงกับเลนส์แว่นตา
ทานสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพดวงตา เช่น ผักผลไม้หลากสี
สารอาหารเพื่อการดูแลสุขภาพดวงตาที่สำคัญ 3 กลุ่ม
1. มิกซ์แคโรทีนอยด์
สารอาหารกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในผักผลไม้หลากสี แต่ด้วยพฤติกรรมการรับประทานผักผลไม้ที่น้อยลง ทำให้มีโอกาสขาดสารอาหารกลุ่มนี้ได้ง่ายมาก สารอาหารกลุ่มมิกซ์แคโรทีนอยด์ ประกอบด้วย
ลูทีน และ ซีแซนทีน
ได้จากผักผลไม้สีเขียว หน้าที่ปกป้องแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอม พิวเตอร์และแสดแดดจ้า และยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึง 50%
เบต้าแคโรทีน
ได้จากผักสีเหลืองส้ม โดยเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี และจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอเมื่อร่างกายต้องการ มีบทบาทเรื่องการมองเห็นที่ชัดเจน ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืนได้
2. น้ำมันปลา
น้ำมันปลาให้สารสำคัญ คือ Omega-3 เป็นกรดชนิดไม่อิ่มตัวที่ประกอบด้วยดีเอชเอ (DHA) และอีพีเอ(EPA) ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของเนื้อเยื่อจอประสาทตา
มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพการมองเห็นของจอรับภาพในตา
ช่วยบำรุงสายตา ช่วยการมองเห็นทั้งในที่สว่างและที่มืด
มีส่วนช่วยปรับสมดุลความดันในลูกตา
ช่วยควบคุมความชุ่มชื้นของดวงตา ลดภาวะตาแห้งจากการจ้องจอนานๆ
3. สารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง
จากการศึกษาเรื่องโรคจอประสาทตาเสื่อมที่สัมพันธ์กับอายุ (AREDS) โดยสถาบันดูแลดวงตาของอเมริกา พบว่าการทานสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงร่วมกัน 5 ชนิด ได้แก่ แร่ธาตุสังกะสี วิตามินอี วิตามินซี ทองแดง และเบต้าแคโรทีน มีผลช่วยลดการกำเริบของผู้ที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแล้วได้ถึง 25 %
การพิจารณาเลือกสูตรสารอาหารดูแลดวงตา
ด้วยพฤติกรรมการจ้องจอในยุคดิจิตอล ทั้งวัยทำงานที่จ้องจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ นักเรียนนักศึกษาที่ใช้มือถือสมาร์ทโฟนเป็นประจำ หรือการมีไลฟ์สไตล์อยู่บนโลกโซเชียลตลอดเวลา ทำให้ดวงตาถูกทำร้ายรุนแรงมากขึ้นจนนำไปสู่อาการของโรคซีวีเอส โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก ต้อหิน โรควุ้นในตาเสื่อม การเลือกสารอาหารเพื่อการดูแลดวงตาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
โดยการเลือกสูตรของสารอาหารดูแลดวงตา ควรเลือกสูตรสารอาหารที่ครบถ้วนหลากหลายเพื่อตอบโจทย์การดูแลดวงตาอย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยปกป้องและรักษาอาการของโรคตาต่างๆ ได้จริงโดยมีผลการวิจัยรองรับ มีแหล่งผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ และควรเป็นสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อความปลอดภัยต่อการรับประทานต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่าจะช่วยรักษาดวงตาคู่สวยให้สามารถมองเห็นโลกกว้างได้อย่างชัดเจนตลอดไป