'มะเขือเทศ' ต้านอาการซึมเศร้า

'มะเขือเทศ' ต้านอาการซึมเศร้า

ผักผลไม้บนโลกนี้หลายชนิดให้ประโยชน์กับร่างกายมนุษย์มากมาย ‘มะเขือเทศ’ ก็คือหนึ่งในนั้น
.
  ในอดีตมีงานวิจัยจาก Journal of Affective Disorders ที่ทำการศึกษษากลุ่มตัวอย่างวัยชราชาวญี่ปุ่นจำนวน 986 คน ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี เพื่อหาว่าอาหารชนิดไหนที่สามารถต้านภาวะซึมเศร้าได้ดีที่สุด โดยผู้ทำการวิจัยได้เลือกอาหารมาทั้งสิ้นถึง 75 ชนิด พบกว่า ‘มะเขือเทศ’ มีความสัมพันธ์กับการลดภาวะซึมเศร้าได้มากที่สุดไม่เพียงเท่านั้นงานวิจัยนี้ยังเฝ้าติดตามดูคนสองกลุ่มเพื่อเปรียบเทียบทำให้พบข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า คนที่อยู่ในภาวะอาการซึมเศร้า จิตใจหม่นหมอง ยิ่งมีพฤติกรรมในการทานผักผลไม้ และอาหารที่ต้าอนุมูลอิสระได้น้อยกว่าคนที่อยู่ภาวะจิตใจที่ปกติ คนที่ทานมะเขือเทศทุกวันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าจะลดลง 52%  และงานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทานมะเขือเทศ2-6 ครั้งต่อสัปดาห์มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าผู้ที่ทานเพียงสัปดาห์ละครั้งถึง 46%

  ‘มะเขือเทศ’ สามารถลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้จริง เพราะในผลไม้ชนิดนี้มีสารสำคัญซึ่งมีชื่อว่า ไลโคปีน (Lycopene) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยลดความเครียด และซ่อมแซมเซลล์สมองที่เสียหาย  และไม่เพียงแต่มะเขือเทศจะช่วยลดความเครียดได้เท่านั้น ยังต่อต้านการอับเสบ สามารถยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง และป้องกันอาการหัวใจวาย มีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งของประเทศฟินแลนด์ในปี 2012 ที่ตีพิมพ์ในระบบประสาทวิทยา ที่ได้ติดตามศึกษากลุ่มตัวอย่างเพศชายจำนวนมากกว่า 1,000 คน ระหว่างอายุ 46-65 ปีเป็นเวลาประมาณ 12 ปี พบว่าผู้ชายที่มีความเข้มข้นของไลโคปีนในเลือดสูงสุด 1 ใน 4 จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบลดลง 59% และมีความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลดลง 55%

  นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเกี่ยวกับประโยชน์สารไลโคปีนในมะเขือเทศที่มีต่อระบบสืบพันธุ์เพศชาย ซึ่งได้รับการเผยแพร่ใน Journal of the National Cancer Institute ก็คือ ‘ไลโคปีน’ มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชายได้เฝ้าสังเกตกลุ่มัวอย่างจำนวนเกือบ 50,000 คน นักวิจัยพบว่าผู้ที่ทานมะเขือเทศเป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจนถึงขั้นเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ที่ทานน้อยที่สุดถึง 23%



ขอบคุณข้อมูลจาก :

1.  พ็อตเกตบุ๊ก 'สุขภาพดีได้ด้วยตัวเอง Good Health by yourself' (หน้า 346) โดย นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว
2.  www.nhs.uk
3.  www.nutritionletter.tufts.edu

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy