7 to do list 2021 สำหรับคนทำงาน

 7 to do list 2021 สำหรับคนทำงาน

       “เป็นอย่างไรบ้าง กับการทำงานในปี 2020 ที่ผ่านมา?” บางคนสนุกกับการทำงานที่ท้ายทาย ในรูปแบบใหม่ เช่น Online meeting  Webinar หรือแม้แต่ Work from home  แต่สำหรับบางคนอาจเป็นปีแห่งการทุ่มเทให้กับงานแบบสุดๆ จนได้พบกับข้อเสียของตนเองและอยากปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นเพื่อต้อนรับปี 2021 ที่กำลังจะมาถึง MEGA We care จึงขอแนะนำ To do list ที่จะทำให้ชีวิตการทำงานในปีหน้าเป๊ะ ปังยิ่งกว่าเดิม ประสบความสำเร็จได้ดังใจ พร้อมด้วยสุขภาพที่ดีไม่เสียสมดุล

   พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
       การพัฒนาตนเองและเพิ่มทักษะในงานที่ทำอยู่เสมอๆ เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนวัยทำงานและเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการ เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมมานั้นจะช่วยพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้นและมีมุมมองในการนำเสนอที่แตกต่างและแปลกกว่าคนอื่นๆ  นอกจากนี้ยังมีหลายๆ หลักสูตรที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนาตัวเอง บุคลิกภาพ รวมถึง การอัพเดทความรู้ใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้ในห้องเรียนที่เคยเรียนมา หรือความรู้ที่มีอยู่ในวันนี้ บางทีพรุ่งนี้ก็ล้าสมัยไปเสียแล้ว ดังนั้นต้องหมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และต้องทันสมัยอยู่เสมอ

   รู้จักคิดบวกให้เป็นนิสัย
       ในโลกของการทำงานที่มีการแข่งขันสูง ปัญหามีมาให้แก้ในทุกๆ วัน ดูเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับทุกคนแต่ก็เป็นสิ่งเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการมองปัญหาที่เข้ามาในมุมที่ต่างจากเดิม โดยการคิดบวกจะทำให้เราเผชิญสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างเข้าใจ หรือบางทีเราอาจมองเห็นโอกาสในปัญหานั้นๆเป็นได้
 นอกจากนี้การคิดบวกยังทำให้สุขภาพจิตของเราแจ่มใสขึ้น เพราะการคิดบวกจะช่วยรับมือกับความเครียดได้เป็นอย่างดี จากผลการศึกษาพบว่าผู้ที่คิดบวกจะมีการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแหล่งความเครียด โดยหากมีในระดับที่สมดุลช่วยรับมือกับความเครียดได้ แต่ในขณะที่มีความเครียดมากจนเกินไปและอย่างต่อเนื่อง ฮอร์โมนนี้จะเกิดการสะสมจะเกิดการอ่อนเพลีย และสมองล้าได้

   จัดระเบียบในการทำงานให้ดีขึ้น
       การจัดระเบียบเวลา หรือเรียงลำดับความสำคัญของการทำงาน เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้งานบรรลุตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้มากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องแยกแยะให้ออกว่างานชิ้นนั้นเป็นงานประเภทใด เป็นงานที่สำคัญหรือไม่ ? และสำคัญมากน้อยเพียงใด หรือเป็นงานด่วนหรือไม่ ? และเร่งด่วนมากเพียงไหน ซึ่งหากแยกประเภทของงานออกจะทำให้ได้จำนวนงานที่ดูเยอะลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ เท่านี้ก็สามารถจดลงสมุดได้แล้วว่า “วันนี้ควรทำงานใดก่อน-หลัง?” 

       แต่หากใครไม่อยากพกปากกาและสมุดให้เกะกะ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นที่ช่วยจัดระเบียบการทำงานมากมายเช่น Google Tasks, Microsoft To Do ก็จะช่วยให้ชีวิตสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะพกเพียงแค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดของการจัดสรรเวลา คือการแบ่งเวลาการทำงาน และเวลาในการผ่อนคลาย ให้สมดุล เพราะร่างกาย และจิตใจ ล้วนมีความสำคัญเท่าๆ กัน

   ยืดเหยียดกล้ามเนื้อบ้าง ไม่นั่งทำงานนานๆ 
       รู้หรือไม่ ? คนไทยในวัยทำงานกว่า 80% ต้องเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ หรือคนทำงานในท่าซ้ำๆ โรคนี้จะมีอาการปวดและตรึงกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลัง หากปล่อยไว้จะร้ายแรงถึงขั้นความสามารถในการมองเห็นลดลงหรือกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ ดังนั้นควรที่จะเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงานบ่อยๆ อย่างน้อยทุกๆ 20 นาที หรือลุกขึ้นเดินเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง นอกจากจะช่วยป้องกันอาการปวดที่จะเกิดขึ้นแล้วยังทำให้สายตาได้พักจากงานที่ทำด้วย

   ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป
       คุณเป็นคนหนึ่งที่เวลาในการทำงานเบียดเวลาออกกำลังกายหรือไม่ ? หากใช่! ควรหาเวลาออกกำลังกายให้ได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากการออกกำลังกายส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี  ยังเป็นยาวิเศษที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคเรื้อรังต่างๆได้ โดยผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำให้ออกกำลังกายต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30 นาที เฉลี่ยสัปดาห์ละ 5 วัน
       นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยในเรื่องของสุขภาพกายแล้ว การออกกำลังกายชนิดกลุ่ม เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน หรือแม้แต่การจับกลุ่มกับขี่จักรยาน ก็สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงได้รู้จักสังคมใหม่ๆ ที่สนใจในสิ่งเดียวกันก็สามารถทำให้เกิดการสร้างสัมพันธ์ที่ดีได้เช่นเดียวกัน

   ทานอาหารให้ตรงเวลา
       เคยเป็นไหม? ทำงานเพลินจนลืมดูเวลาแหงนหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาอีกทีก็เลยเวลาพักเที่ยงเสียแล้ว เหตุการณ์นี้อาจดูคุ้นๆ กับบางคนในปี 2020 แต่ในปี 2021 นี้เราจะต้องให้ร่างกายได้พักและทานข้าวได้ตรงเวลาบ้าง เพราะการทานข้าวไม่ตรงเวลานอกจากจะทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารแล้ว ยังทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ข้าวเที่ยงเท่านั้นแต่ในวัยทำงานบ่อยครั้งที่เร่งรีบจนละเลยการทานข้าวเช้า ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ สารอาหารจึงนำไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมตามมา

   ทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน
       “วันนี้ทานอะไรดีนะ ?” เป็นคำถามที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกวันแต่บ่อยครั้งจะจบลงด้วยเมนูเดิมๆ อยู่เสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะส่งผลให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นโดยที่ไม่รู้ตัว หรือบางคนเน้นการทานเนื้อทานแป้งเกินไปทำให้หุ่นที่เคยผอมเพรียวกลายเป็นหุ่นที่มีความหนา หากใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ในปีที่ผ่านมา ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทานสักนิดเพื่อสุขภาพที่ดีต้อนรับปีใหม่

       โดยเริ่มจากการทานเมนูที่หลากหลายมากขึ้น ทานเนื้อสัตว์และแป้งอย่างพอดีเพื่อให้ร่างกายได้มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเพียงพอไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกิน เน้นทานผักผลไม้เป็นหลักเพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะวิตามินบีที่คนวัยทำงานควรได้รับในทุกๆ วันเนื่องจากมีการวิจัยจากหลากหลายสถาบันยืนยันว่า “ผู้ที่ต้องเผชิญกับความเครียดสูงอย่างวัยทำงาน ถ้าได้รับวิตามินชนิดนี้อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ลดความเครียดได้เป็นอย่างดี รู้สึกสดชื่นขึ้น สมองปลอดโปร่งและฉับไว” พร้อมลุยงานอย่างเต็มที่ต้อนรับศักราชใหม่ที่รอเราอยู่

       ทั้งหมดนี้คือ 7 ข้อที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากลองนำไปปรับใช้กับวิถีชีวิตของตนเองรับรองว่า “ชีวิตการทำงานในปีหน้าจะต้องดีกว่าปีนี้” อย่างแน่นอน ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care


ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.pobpad.com/คิดบวก-ส่งผลดีต่อสุขภาพ
https://www.sanook.com/campus/1401583/
https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/604815
https://www.hsri.or.th/people/media/exercise/detail/5040

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy