สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก หลายบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานโดยให้พนักงาน Work from home เพื่อความปลอดภัยและลดการแพร่กระจายเชื้อ
อย่างไรก็ตามแม้การ Work from home อาจช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง แต่สำหรับดวงตาของคุณที่ต้องถูกใช้งานจากการจ้องหน้าจอตลอดทั้งวันก็ยังคงเหนื่อยล้าอยู่เช่นเคย ยิ่งไปกว่านั้นเวลาที่เหลือจากการทำงานซึ่งทดแทนช่วงเวลาการเดินทางในแต่ละวัน อาจทำให้หลายคนมีโอกาสผ่อนคลายความเครียดด้วยการดูซีรีย์หรือใช้เวลาไปกับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์และเกมออนไลน์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ยิ่งทำให้ดวงตาถูกใช้งานหนักกว่าที่เคย ในที่สุดดวงตาก็อาจถูกทำร้ายด้วยแสงสีฟ้าจากหน้าจอไปโดยไม่รู้ตัว
แสงสีฟ้า ทำร้ายดวงตาอย่างไร
‘แสงสีฟ้า’ เป็นแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอสมาร์ทโฟนที่สามารถเข้าไปทำลายยังกระจกตาและจอประสาทตาได้ ซึ่งผลกระทบสำคัญที่มีต่อดวงตาก็คือ การเกิดภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) โดยมีอาการ ดังนี้
ปวดตา มีอาการปวดเกร็งที่ดวงตาและกระบอกตา และอาจปวดศีรษะบริเวณหว่างคิ้วร่วมด้วย
ตาพร่ามัว มองเห็นวัตถุต่าง ๆ เป็นภาพเบลอหรือภาพซ้อน ไม่คมชัดเหมือนปกติ
ตาแห้ง คันและระคายเคือง รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
อาการเหล่านี้เป็นเพียงอาการเบื้องต้นเท่านั้น หากปล่อยให้ดวงตาต้องสัมผัสกับแสงสีฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ครั้งละนาน ๆ อาจก่อให้เกิด ‘โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม’
โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome: CVS) มีสาเหตุมาจากการที่ดวงตาได้รับแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต หรือสมาร์ทโฟนมากเกินไป ส่งผลให้มีอาการปวดตา แสบตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว เพราะคลื่นแสงสีฟ้าจะก่อให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์ในดวงตาจนเสียหาย ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงและไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากอาการเหล่านี้แล้ว อาจมีอาการปวดศีรษะ ต้นคอ ไหล่ และหลังร่วมด้วย สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม คือ พนักงานออฟฟิศ เกมเมอร์ หรือผู้ที่ต้องใช้เวลาอยู่หน้าจอติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
วิธีป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้า
แม้จะทราบกันดีว่าแสงสีฟ้าเป็นอันตรายต่อดวงตา แต่สำหรับคนที่ต้องทำงานหน้าจอแล้ว คงยากที่จะหลีกเลี่ยง ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องอยู่หน้าจอนาน ๆ ก็ควรป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้าด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพราะแสงโดยรอบจะช่วยลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอที่รบกวนสายตา
จัดวางตำแหน่งของจอให้อยู่ห่างจากดวงตา 20-30 นิ้ว และให้จุดศูนย์กลางของหน้าจอต่ำกว่าระดับสายตา 10-20 องศา
ปรับแสงหน้าจอให้สบายตา ไม่มืดหรือสว่างจ้าจนเกินไป
ใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา
หมั่นกระพริบตาบ่อย ๆ ไม่เพ่งสายตานานเกินไป
พักสายตาเป็นระยะ ๆ
นอกจากการป้องกันแสงสีฟ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ดวงตาแข็งแรงก็คือ การทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงสายตา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น และสร้างความแข็งแรงให้ดวงตาแม้จะต้องใช้สายตาอย่างหนัก สำหรับสารอาหารที่สำคัญต่อดวงตา มีดังนี้
สารอาหารกลุ่มเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) สารอาหารกลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เยื่อบุตาและกระจกตาแข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์จอประสาทตา และยังช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดีด้วย
สารอาหารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สารอาหารชนิดนี้จะพบมากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ โดยเฉพาะบิลเบอร์รี่ที่มีสรรพคุณบำรุงสายตา เสริมสร้างความแข็งแรงให้หลอดเลือดฝอยในตา
สารอาหารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) มีสารสำคัญชนิดหนึ่งชื่อว่า ลูทีน (Lutein) จัดเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ (Antioxidant) ที่ช่วยลดการเกิดอนุมูอิสระจากแสงสีฟ้าซึ่งจะไปทำลายเลนส์ตาและจอประสาทตา ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกและโรคจอตาเสื่อม
สารอาหารสำคัญทั้ง 3กลุ่มนี้ เป็นสารอาหารที่จะช่วยบำรุงดวงตาให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตาต่าง ๆ อันมีสาเหตุมาจากแสงสีฟ้าบนหน้าจอ หากร่างกายได้รับสารอาหารทั้ง 3 กลุ่มนี้ร่วมกันจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงสายตาได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
‘ดวงตา’ เป็นอวัยวะสำคัญต่อการใช้ชีวิต ดังนั้นการดูแลดวงตาให้แข็งแรงจึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะไม่ว่าสถานการณ์ใด จะทำงานหรือใช้ชีวิตที่ไหน ดวงตาของคุณก็ยังคงมีความสำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัวอยู่เสมอ
ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/blue-light-harmful-to-eye
https://www.samitivejhospitals.com/th/computer-vision-syndrome/
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/dry-eyes