‘วัยทอง’ (Menopause) หรือวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิงจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 45-55 ปี แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่อายุ 50 ปี เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยนี้ รังไข่จะหยุดทำงานส่งผลให้ไม่มีการตกไข่อีกต่อไป ซึ่งส่งผลทำให้ไม่มีประจำเดือน รวมถึงจะไม่มีการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง (Estogen) จากรังไข่ และเมื่อขาดฮอร์โมนชนิดนี้ไปร่างกายก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายตามมา

  สนใจหัวข้อไหน... คลิกเลย

  ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คืออะไร?

  แล้วจะเติมฮอร์โมนเอสโตรเจนให้ร่างกายได้อย่างไร?

  เมื่อเข้าสู่วัยทอง ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

     แน่นอนว่าความมั่นใจของผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ด้วยการดูแลตัวเองจากภายใน เพราะการมีสุขภาพที่ดีจากภายในย่อมส่งผลต่อรูปร่างและผิวพรรณภายนอก ซึ่งสำหรับผู้หญิงแล้วการจะมีรูปร่างและผิวพรรณที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือ ‘ฮอร์โมนเอสโตรเจน’ ซึ่งจะค่อยๆลดลงตามอายุ และจะเห็นอย่างชัดเจนเมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ  ซึ่งสัญญาณของผู้หญิงวัยทองทางร่างกายที่พบเป็นประจำที่สังเกตเห็นได้ เช่น อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน เหนื่อยง่าย ผิวหนังแห้งเป็นขุย เป็นผื่นแพ้ และบางคนมีอาการคันตามผิวหนัง นอกจากนี้เส้นผมยังหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ ช่องคลอดแห้งขาดความชุ่มชื้น น้ำหล่อลื่นน้อย ซึ่งปัญหานี้จะส่งผลเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะแสบขัด อ่านข้อมูลเข้าสู่ 'วัยทอง' ต้องดูแลตัวเองอย่างไรเพิ่มเติม https://www.megawecare.co.th/content/4890/how-to-take-care-of-yourself-for-menopause

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คืออะไร?

     Estrogen เป็นฮอร์โมนเพศที่มีอยู่ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ซึ่งในร่างกายของเพศหญิงจะมีปริมาณฮอร์โมนชนิดนี้สูงกว่าเพศชาย โดยทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนสำคัญในการสร้างลักษณะเฉพาะทางกายภาพของผู้หญิง ทั้งในเรื่องของผิวพรรณที่เรียบเนียน เปล่งปลั่ง การมีหน้าอกที่เต่งตึง รวมถึงสะโพกที่ผายได้รูปสวยงาม แต่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของแต่ละคนมีปริมาณแตกต่างกัน โดยผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายอยู่มากจะมีลักษณะที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงไว้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยก็จะมีลักษณะของผู้ชายปรากฏให้เห็นชัดกว่า เช่น มีหนวดบาง ๆ ขนดก ผิวหนังหยาบกร้าน หน้าอกไม่เต่งตึง และส่วนเว้าส่วนโคงไม่ชัดเจน ซึ่งการมีรูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วนนี้อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนขาดความมั่นใจและส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยรวมด้วย

แล้วจะเติมฮอร์โมนเอสโตรเจนให้ร่างกายได้อย่างไร?

     ปัจจุบันมีทางเลือกที่ปลอดภัยและน่าสนใจสำหรับการเติมฮอร์โมนเอสโตรเจนให้ร่างกาย นั่นก็คือ ‘สารสกัดจากจมูกถั่วเหลือง’ เพราะในจมูกถั่วเหลืองมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘ไอโซฟลาโวน’ ในปริมาณสูง ซึ่งคุณสมบัติของสารไอโซฟลาโวนนี้จะทำงานคล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายหรืออาจเรียกได้ว่ามีการออกฤทธิ์เลียนแบบฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเทียบเท่ากับการเติมฮอร์โมนเพศหญิงให้ร่างกาย สามารถช่วยให้บรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากภาวะฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนลดลง เช่น  อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน เหนื่อยง่าย ผิวหนังแห้ง รวมทั้งช่องคลอดแห้ง ปัสสาวะแสบขัดได้ดีขึ้น

สารสกัดจากจมูกถั่วเหลือง

     มีส่วนช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงให้สมดุล ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาวัยทอง รวมถึงผู้ที่ต้องการเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงให้กับร่างกาย เพราะเป็นแหล่งของฮอร์โมนเพศหญิงจากธรรมชาติ ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีชื่อเรียกว่า ไฟโตเอสโตเจน (Phytoestrogen) ปัจจุบันมีสารสกัดจากจมูกถั่วเหลืองในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงตามธรรมชาติได้ในปริมาณสูง ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ และหมดกังวลเรื่องผลข้างเคียง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงอีกด้วย เป็นทางเลือกที่สะดวก และเห็นผล โดยที่ไม่อ้วนด้วย เมื่อเทียบกับการดื่มเต้าหู้เป็นประจำทุกวัน

เมื่อเข้าสู่วัยทอง ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

อาการวัยทอง (Menopause) เป็นภาวะความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่าปัญหานี้สามารถบรรเทาได้ รวมทั้งผู้หญิงที่ใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน ก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเป็นการชะลอวัย ได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง การปั่นจักรยาน การเต้นแอโรบิก การรำไทชิ นอกจากนี้ต้องรู้จักฝึกควบคุมอารมณ์ด้วยการนั่งสมาธิเป็นประจำ ไม่เพียงเท่านั้นต้องเปลี่ยนอุปนิสัยการรับประทานอาหาร โดยเลือกแต่อาหารที่มีประโยชน์เน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ธัญพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง เต้าหู้ งาดำ และผักใบเขียว ฯลฯ ด้วยความห่วงใยจาก MEGA Wecare

ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://stri.cmu.ac.th/article_detail.php?id=55