สนใจหัวข้อไหน... คลิกเลย
กระเทียม (Garlic) ให้ประโยชน์อะไรกับร่างกาย?
เสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจ ป้องกันไขมันในเลือดสูง
กระเทียม (Garlic) เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
'กระเทียม' (Garlic) สมุนไพรที่รู้จักกันเป็นอย่างดี บางคนอาจไม่ชอบเนื่องจากมีกลิ่นที่ฉุนหรือทานแล้วทำให้เกิดกลิ่นปาก แต่แท้จริงแล้วสมุนไพรชนิดนี้มีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด โดยในอดีตกระเทียมได้ถูกชาวจีน อียิปต์ บาบิโลน กรีก และโรมัน นำมาใช้เป็นยารักษาโรคมานานกว่า 3,000 ปี และในปัจจุบันทั่วโลกก็ได้นำมาใช้ในทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องและเป็นที่แพร่หลาย
จากการค้นคว้าและวิจัยของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมากกว่า 2,500 การทดลอง ทำให้รู้ถึงสารสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในกระเทียมมีสารประกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด รวมถึงอัลลิซิน (Allicin) และ S-allylmercaptocyctein รวมทั้งกรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด
นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย เอ็นไซม์หลากหลายชนิด และเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายรวมถึง เซเลเนียม (Selenium) ด้วย ซึ่งสารประกอบเหล่านี้ช่วยปรับสมดุลให้แก่หัวใจ ลดไขมันในเลือดสูง ลดความดันโลหิตสูง และเสริมสร้างภูมิต้านทานได้
การที่จะมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงได้ต้องประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยที่สำคัญคือต้องดูแลระดับไขมันในเลือดสูงให้เป็นปกติ และควบคุมเรื่องความดันโลหิตสูงเป็นสำคัญ
1. ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด
ระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูงเป็นปัจจัยสำคัญของโรคหัวใจ เนื่องจากมีการสะสมของไขมันที่หลอดเลือดจนทำให้ตีบและตัน ซึ่งซัลเฟอร์และอัลซิลินที่เป็นสารประกอบในกระเทียมสามารถช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลรวม (Total cholesterol) และไขมันคอเลสเตอรอลร้าย (LDL-cholesterol) ให้เป็นปกติ
2. ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
เนื่องจากระดับไขมันในเลือดสูงที่มีสาเหตุจากไขมันสะสมที่หลอดเลือดมากเกินไป ส่งผลให้ก้อนไขมันเกิดการแตกตัวจึงกระตุ้นให้เกิดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด เพื่อปิดก้อนไขมันที่แตกออก เป็นสาเหตุให้หลอดเลือดเกิดการอุดตัน การรับประทานกระเทียมสามารถช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด เพราะมีสารประกอบซัลเฟอร์และอัลลิซินที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
3. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
จากการศึกษาวิจัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศพบว่ากระเทียม (Garlic) ช่วยลดความดันโลหิตตัวบน (ความดันที่เกิดขึ้นขณะหัวใจบีบตัวไล่เลือดออกจากหัวใจ) ได้ถึง 7.7 มิลิเมตรปรอท และลดความดันโลหิตตัวล่าง (ความดันของเลือดที่ค้างอยู่ในหลอดเลือด ขณะหัวใจคลายตัว) ได้ถึง 5 มิลลิเมตรปรอท ไม่เพียงเท่านั้นการรับประทานกระเทียมยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้ถึง 16-40% ซึ่งได้มาจากผลการวิจัยที่ทำขึ้นกับกลุ่มทดลองของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 553 คน (ข้อมูลจาก : https://www.spandidos-publications.com/10.3892/etm.2019.8374)
อ่านประโยชน์ของน้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) ที่ช่วยลดไขมันในเลือดสูงอย่างละเอียดได้ที่นี่ https://www.megawecare.co.th/content/4945/how-to-reduce-dyslipidemia-within-3-months
นอกจากจะช่วยเสริมสร้างให้สุขภาพของหัวใจแข็งแรงแล้ว อีกหนึ่งคุณประโยชน์ของกระเทียมที่สำคัญต่อร่างกายก็คือ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง โดยในทางการแพทย์มีการเปรียบฤทธิ์ของกระเทียมเสมือนกับ 'ยาปฏิชีวนะ' จึงสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราได้ อีกทั้งในกระเทียมยังมีสารอิลลิซิน (Allicin) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย เพราะเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อเม็ดเลือดขาวมีจำนวนมากขึ้นก็สามารถช่วยจับเชื้อโรคที่เข้ามาได้มากขึ้น จึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ ส่งผลให้อาการของผู้ที่เป็นหวัดและภูมิแพ้ลดลง
ไม่เพียงเท่านั้นในต่างประเทศยังมีการวิจัยถึงประโยชน์ของกระเทียมว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง โดยมีการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงในรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา พบว่าผู้หญิงที่รับประทานกระเทียมเป็นประจำทุกวัน ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลงถึง 35% (บทความวิจัยจาก: META-ANALYSIS OF OBSERVATIONAL STUDIES IN EPIDEMIOLOGY)
จะเห็นได้ว่ากระเทียม (Garlic) ให้ประโยชน์กับร่างกายอย่างมากมาย ทั้งช่วยลดระดับไขมันในเลือดสูง ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ลดความดันโลหิตสูง และยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ดีขึ้น ถึงแม้การทานกระเทียมเป็นประจำจะดีต่อสุขภาพ แต่การทานกระเทียมสดในแต่ละวันก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่สะดวกในการพกพา ที่สำคัญหากต้องทานในปริมาณตามที่ต้องการ ก็อาจสร้างปัญหาในเรื่องกลิ่นปากได้ ดังนั้นการรับประทานในรูปแบบของน้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) ที่มีการสกัดเป็นเม็ด (แคปซูล) จึงเป็นทางเลือกที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน และไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาต่างๆ เหมือนการทานกระเทียมสด
จากข้อแตกต่างของกระเทียมสดและน้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) ข้างต้น คงทำให้หลายคนตัดสินใจได้ว่าการรับประทานกระเทียมในรูปแบบของน้ำมันกระเทียม สกัดทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น แถมยังให้ประโยชน์ไม่ต่างจากการรับประทานกระเทียมสด แต่ทั้งนี้การเลือกน้ำมันกระเทียม (Garlic Oil) เพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่และปลอดภัยควรสกัดแบบแคปซูลนิ่มเพราะจะทำให้สารอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ที่สำคัญควรผลิตภายใต้มาตรฐานยาระดับสากล เพราะการันตีได้ว่าไร้สารเคมีตกค้างแน่นอน… ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care
ขอบคุณข้อมูลจาก :
1. https://1th.me/q8yVt (www.providence.org)
2. https://1th.me/PsNwK (journals.lww.com)
3. https://1th.me/lSV1A (www.thaiheartfound.org)
4. https://www.pobpad.com