วิตามิน A กับ Covid

วิตามิน A กับ Covid

       จากตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกมียอดผู้ป่วยสะสมหลายล้านคน ทำให้หลายๆ ประเทศคิดค้นวัคซีนอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าเชื้อCovid-19 ก็พัฒนาสายพันธุ์และทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันเช่นกัน อีกทั้งวัคซีนที่ออกมาก็ยังต้องติดตามผลของประสิทธิภาพและผลข้างเคียงอีกสักระยะ แต่สิ่งที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดก็คือการดูแลตนเอง เช่น ล้างมือบ่อยขึ้น ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีคนแออัด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้มีร่างกายและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และลดโอกาสการติดเชื้อของโรค Covid-19
       นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่า การทานอาหารที่มีวิตามินซี (Vitamin C), วิตามินดี (Vitamin D), แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ในปริมาณที่เพียงพอก็สามารถช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และลดโอกาสในการติดเชื้อได้ดีขึ้น นอกจากวิตามินดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีตัวช่วยสำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ นั่นก็คือ.... “วิตามินเอ (Vitamin A)” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่หลายคนคุ้นเคย และยังมีประโยชน์ในการช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้ด้วยเช่นกัน

   วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงอย่างไร
       วิตามินเอ (Vitamin A) หรือเรตินอล (Retinol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระหนึ่งที่มีความสำคัญในการดูแลผิวพรรณ ดวงตา และการเจริญเติบโตของร่างกาย รวมถึงสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้  ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาได้มีผู้สนใจผลของวิตามินเอ ในด้านการต้านเชื้อโควิดนี้ด้วยเช่นกัน 

       โดยทั่วไปเมื่อเชื้อไวรัส COVID-19 เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเข้าไปกดการทำงานของภูมิคุ้มกันไม่ให้หลั่งสารภูมิคุ้มกันมาทำลายเชื้อไวรัส จากการศึกษาพบว่าวิตามินเอมีบทบาทในการยับยั้งไม่ให้เกิดกระบวนการดังกล่าว ทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัสที่เข้ามาได้  นอกจากนี้ยังพบว่าวิตามินเอยังมีผลต่อการยับยั้งการอักเสบที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อหลังการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวได้อีกด้วย

       อย่างไรก็ตามการใช้วิตามินเอ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกร เนื่องจากวิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายและสะสมได้ในร่างกาย หากได้รับมากจนเกินไปอาจเกิดพิษหรือเกิดโทษได้ แต่หากต้องการเสริมวิตามินเอ ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่าให้ทานในรูปแบบที่ปลอดภัยที่ได้จากสารกลุ่ม แคโรทีนอยด์ เช่น เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ที่พบในผักผลไม้หลากสีอย่าง แครอท ก็เป็นอีกทางเลือกของผู้ต้องการวิตามินเอ  

       ทั้งนี้มีการวิจัยที่วัดผลได้ว่า “การทานผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง  (Beta-Carotene) สามารถช่วยส่งเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรงได้” เช่นงานวิจัยของ ดร.โรนัลด์ วัตสัน (Ronald R Watson) แห่งมหาวิทยาลัยแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นำชาย-หญิง จำนวน 60 คน อายุเฉลี่ย 56 ปี ให้ทานผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ปริมาณ 30-60 มิลลิกรัมต่อวัน และติดตามผลในเวลาต่อมา ปรากฎว่า คนกลุ่มนี้มีภูมิต้านทานที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อหยุดทานผักผลไม้ พบว่า ภูมิต้านทานค่อยๆ ลดลงและกลับไปสู่ระดับที่เคยเป็น"

       ในแต่ละวันคนเราสามารถรับวิตามินเอ (Vitamin A) เข้าสู่ร่างกายได้จากการทานเนื้อสัตว์ ปลาทูน่า ตับ ไข่ รวมถึงผักผลไม้ต่างๆ ซึ่งแต่ละชนิดของผักผลไม้ก็ให้ปริมาณวิตามินเอที่ต่างกัน



       จะเห็นได้ว่าวิตามินเอนอกจากจะมีประโยชน์ช่วยในการมองเห็น ช่วยการเจริญเติบโตของร่างกาย ผิวพรรณและผมแล้ว ที่สำคัญยังช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้...ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care

ขอบคุณข้อมูลจาก :

Trasino SE. A role for retinoids in the treatment of COVID‐19?. Clinical and Experimental Pharmacology and Physiology. 2020 Oct;47(10):1765-7.
Li R, Wu K, Li Y, Liang X, Tse WK, Yang L, Lai KP. Revealing the targets and mechanisms of vitamin A in the treatment of COVID-19. Aging (Albany NY). 2020 Aug 15;12(15):15784.
http://medinfo2.psu.ac.th/cancer/db/news_ca.php?newsID=81&typeID=19&form=5
https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue037/healthy-eating

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy