หากใครยังไม่รู้จะเริ่มออกกำลังกายอย่างไร ลองมารู้จักกับการออกกำลังกายที่เรียกว่า Strength Training แล้วจะรู้ว่าประโยชน์ที่ได้มันมากกว่าแค่ทำให้ร่างกายแข็งแรง
Strength Training คือการออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการเล่นกล้าม เป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนของมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งการออกกำลังกายลักษณะนี้ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น สปริงยึด หรือดัมเบล (น้ำหนักไม่ต้องมาก) เป็นต้น
การออกกำลังกายในแบบ Strength Training จะแตกต่างจากการออกกำลังกายในแบบ Aerobic Exercise ซึ่งจะเป็นการมุ่งเน้นกล้ามเนื้อทั่วร่างกายได้ออกแรงพร้อมๆ กันแบบต่อเนื่องเพื่อเป็นการเพิ่มสมรรถนะของระบบหัวใจหลอดเลือด เช่น การวิ่ง การเดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น
ประโยชน์ในการออกกำลังกายแบบ Strength Trainiing ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น และป้องกันโรคบางโรคได้ก็คือ
1. ลดพุง ลดไขมัน : เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นจะทำหน้าที่เผาผลาญอาหาร อันได้แก่น้ำตาลและไขมันที่สะสมไว้ในร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน
2. ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุ่น : ก่อนที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนเมื่อมีอายุมากขึ้น การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเพิ่มมวลกระดูกให้มากขึ้นและมีความแข็งแรงขึ้น
3. ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน : มีงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อนี้ ป้องกันคนที่อยู่ในภาะวเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน (Prediabetes) ไม่ให้เป็นเบาหวานได้ดีกว่าการใช้ยาเบาหวาน
4. เพิ่มการทรงตัวที่ดี : ป้องกันและลดความรุนแรงของการลื่นตกหกล้ม รวมทั้งอาการบาดเจ็บ ซึ่งปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
5. ลดการปวดข้อ : มีการศึกษาในต่างประเทศพบว่า คนที่เป็นโรคข้ออักเสบที่เล่นกล้ามจะมีอาการปวดข้อน้อยกว่าคนที่ไม่เล่นกล้าม เพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะส่งผลให้สามารถรองรับแรงแทนข้อกระดูกได้ดีขึ้น
6. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ : การฝึกล้ามเนื้อเป็นการแก้ไขความอ่อนแอของร่างกายที่เกิดจากการหดลีบของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะในคนที่สูงอายุ ซึ่งถึงแม้จะอายุมากขึ้นก็ยังสามารถที่ทำกิจกรรมหนักๆ ได้ดีเหมือนกับคนที่อายุยังไม่มาก
7. ช่วยให้มีบุคลิกและรูปร่างที่ดี : การฝึกกล้ามเนื้อทำให้มีบุคลิกที่สวยสง่า หลังตรง ลำตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง และทำให้รูปร่างกระชับเคลื่อนไหวได้คล่องตัว
8. ช่วยให้อายุยืน : มีข้อมูลจากวารสารเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยที่ได้ติดตามคนอายุมากกว่า 65 ปีจำนวนมากกว่า 30,000 คน เป็นระยะเวลานานถึง 15 ปี โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างที่ติดตามออกเป็น 2 กลุ่ม โดยในกลุ่มแรกคือ ผู้ที่เล่นกล้ามสัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง (ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10% ของจำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มตัวอย่าง) และอีกกลุ่มก็คือ พวกที่ไม่เล่นกล้ามหรือออกกำลังกายใดๆ พบกว่า ผู้ที่เล่นกล้ามมีเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่เล่นหรือออกกำลังกายถึง 46% ที่สำคัญเสียชีวิตจากสาเหตุการเป็นโรคหัวใจน้อยกว่า 41% เลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูล และข้อมูลเพิ่มเติมจาก :
1. พ็อตเกตบุ๊ก 'สุขภาพดีได้ด้วยตัวเอง Good Health by yourself' (หน้า 154-156) โดย นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว
2. https://1th.me/EQrqN