เมื่อต้อง “เรียนออนไลน์” ควรดูแลลูกรักอย่างไรให้มีร่างกายและพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรงสมวัย?
เพื่อช่วยให้เด็กๆ ที่ต้องเรียนออนไลน์ มีสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดี พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรยื่นมือเข้าไปช่วยให้ลูกหลานกลับมามีวิถีชีวิตที่สมดุล หรือใกล้เคียงกับสภาวะปกติให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับปัญหาสุขภาพที่เด็กๆ ต้องเผชิญ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาและดูแลเขาได้อย่างถูกต้อง
เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตของเด็กในยุคที่ต้องเรียนออนไลน์นั้น เป็นแบบขยับตัวน้อย (Sendentary Lifestyle) เด็กขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวกลางแจ้ง เพราะต้องนั่งเรียนหน้าคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตตลอดทั้งวัน หรือครั้งละหลายๆชั่วโมงติดต่อกัน เกิดภาวะสมองล้าเพราะต้องจดจ่อและใช้พลังงานมากขึ้น นอกจากนี้แสงสีฟ้าจากการจ้องจอยังทำให้ตาแห้งตาล้า เพิ่มความเสี่ยงการเกิดปัญหาสายตาสั้น หรือเสี่ยงต่อการเป็นคอมพิมเตอร์วิชั่นซินโดรม
การเรียนออนไลน์ไม่ได้ส่งผลเสียแค่กับสุขภาพกายเท่านั้น แต่การที่เด็กๆ จำเป็นต้องกักตัวอยู่แต่ในบริเวณบ้าน ไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอกอย่างที่เคย ขาดการเล่นอย่างสร้างสรรค์และมีอิสระ ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ยังส่งผลให้เด็กเกิดความเครียด บางคนมีอาการซึมเศร้า โดยจากข้อมูลพบว่าเด็กและวัยรุ่นในยุคนี้มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นถึง 37% สุขภาพโดยรวมแย่ลงเพราะทานอาหารที่มีโภชนาการที่ไม่สมดุล และอีกหลายปัญหาสุขภาพที่จะตามมาในอนาคต
3 สิ่งสำคัญที่ควรทำ เมื่อลูกต้องเรียนออนไลน์
ผ่อนคลายความเครียดของลูก
ควรให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง อย่างน้อยวันละชั่วโมง อาจเป็นกิจกรรมง่ายๆที่สามารถทำได้ในบริเวณบ้าน เช่น การขี่จักรยาน การออกกำลังกาย หรือให้ลูกได้เล่นกีฬาที่เขาชอบ และหากเป็นไปได้แนะนำให้เลือกกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวได้ เพราะจะยิ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเด็ก เช่น ช่วยกันปลูกผักสวนครัว ให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการทำงานบ้านง่ายๆตามช่วงวัยของเขา เป็นต้น
ให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นมีความสำคัญทั้งต่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของเด็ก เพราะขณะที่หลับร่างกายจะหลั่งสารที่จำเป็นออกมาเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้ระบบต่างๆภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของคุณได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ แนะนำว่าควรฝึกให้เด็กๆเข้านอนเป็นเวลาหรือเข้านอนไม่ควรเกิน 4 ทุ่ม และเพื่อแก้ปัญหาการนอนหลับยากหรือตื่นกลางดึก ควรปิดโทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารอื่นๆเมื่อถึงเวลาเข้านอน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวน จากสัญญานโทรศัพท์
เสริมความแข็งแรงด้วยสารอาหารที่จำเป็น
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างมาก แต่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆท่านอาจเผลอละเลย คือ เรื่องอาหารการกินของเด็กๆ แนะนำว่าควรให้เด็กๆ ได้ทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ที่สำคัญ คือ ต้องทานให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย พยายามลดหรือจำกัดการทานขนม รวมไปถึงอาหารขยะทั้งหลาย และหากเป็นไปได้ควรหาเวลาทานอาหารร่วมกันในครอบครัวทุกวัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว สำหรับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็ก คือ กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นในการพัฒนาสมองและสายตา แต่น่าเสียดายที่ร่างกายไม่สามารถสร้างกรดไขมันจำเป็นชนิดนี้ขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากการทานอาหารจำพวกปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า
จากการศึกษาพบว่าหากเด็กได้รับ DHA ไม่เพียงพอจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ เช่น
· มีผลต่อพัฒนาการทางสมองและสายตา
· มีผลต่อระดับ IQ และความจำ
· มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น จดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน
· มีปัญหาการเรียนรู้ช้ากว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน
· มีอาการเครียด ซึมเศร้า หรือภาวะทางจิตอื่นๆ
· ส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
และทั้งหมดนี้คือข้อมูลดีๆที่เรานำมาฝากกัน เพราะการเรียนออนไลน์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ร่างกายก็ต้องพร้อม ด้วยความห่วงใยจาก _ MEGA We care
ข้อมูลอ้างอิงจาก
www.pobpad.com/dha-ดีเอชเอ
www.rama.mahidol.ac.th/atrama /issue011/healthy-eating