ผลงานวิจัยชิ้นนี้น่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไม่ชอบดื่มน้ำให้หันมาดื่มอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
ในงานวิจัยชุมชน Sevenday Advantist ได้ติดตามผู้ป่วยเพศชายจำนวน 8,280 คน และเป็นเพศหญิงจำนวน 12,017 คน ในช่วงอายุระหว่าง 38 จนถึงผู้สูงอายุ 100 ปี โดยทำการศึกษาตั้งแต่กลุ่มตัวอย่างยังแข็งแรงไม่เป็นโรคหัวใจ อัมพาต หรือเบาหวานใดๆ
หลังจากนั้นก็ใช้เวลา 6 ปี ในการติดตามผลเพื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำกับการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจจากสาเหตุของเลือดที่ข้นหนืดและแข็งตัวได้ง่าย ซึ่งในระหว่างที่วิจัยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจไปทั้งสิ้น 246 คน โดยการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญพบกว่า คนที่ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วขึ้นไป (นอกเหนือจากการดื่มในระหว่างมื้ออาหาร) จะลดความเสี่ยงการเกิดหัวใจวายและเสียชีวิตน้อยกว่าคนที่ดื่มน้ำไม่เกิดวันละ 5 แก้วสูงถึง 5 เท่า
การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอในแต่ละวันจะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง สามารถช่วยลดความหนืดของเลือดได้ และยังช่วยทำให้สารพิษบางอย่างในเลือดเจือจาง รวมถึงแบคทีเรีย น้ำตาล และสารอื่นๆ ที่จะไปเกาะหลอดเลือด ทำให้การเกิดอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดของแข็ง ยิ่งในผู้ป่วยโรคหัวใจการดื่มน้ำสะอาด วันละ 2-2.5 ลิตร (8 -10 แก้วปกติ) จะทำให้การไหลเวียนโลหิตคล่องตัว และลดการเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคไต ดื่มน้ำได้แต่ต้องจำกัดปริมาณภายใต้คำแนะนำของแพทย์)
ขอบคุณข้อมูลจาก :
1. พ็อตเกตบุ๊ก 'สุขภาพดีได้ด้วยตัวเอง Good Health by yourself' โดย นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ (หน้า 288) ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว
2. http://www.thaiheartfound.org/category/details/food/133