จากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนไทยในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่นั้นจะเน้นบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือเลือกรับประทานอาหารฟาสต์ฟู๊ดเป็นหลัก หลายคนไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ หรือรับประทานน้อยกว่า 3 เสริฟต่อวัน ร่างกายจึงได้รับกากใยอาหารและสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไทยกว่า 24% คิดว่าตัวเองมีปัญหาท้องผูก ในจำนวนนี้มี 8% ที่พบปัญหาในการเบ่งอุจจาระลำบาก และอีก 3% ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายที่ไม่สม่ำเสมอ หรืออุจจาระได้น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จากสถิตินี้คุณอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ต้องบอกเลยว่าคุณคิดผิด!!
“ท้องผูก” เกิดจากการทำงานที่ไม่สมดุลของระบบขับถ่าย หากไม่เร่งแก้ไข ปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรัง จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น มีสารพิษตกค้างในร่างกาย เป็นริดสีดวงทวาร ลมหายใจมีกลิ่น มีปัญหาเรื่องผิวพรรณรูขุมขนใหญ่ และในระยะยาวเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ได้ อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามในใจว่าคุณเข้าข่ายผู้มีปัญหาท้องผูกหรือเปล่า และควรทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว บทความนี้ของ MEGA We care มีคำตอบ
สนใจหัวข้อไหน...คลิกเลย
เช็คลิสต์อาการแบบไหนเข้าข่าย “ท้องผูก” ?
จริงหรือไม่…ยาระบาย ยาถ่าย คือ ทางเลือกสำหรับคนท้องผูก?
บอกลาปัญหาท้องผูก ด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยและใช่กว่า
การขับถ่ายแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานมากกว่า 30 นาที
ต้องออกแรงเบ่งถ่ายมากกว่าปกติ หรือการขับถ่ายมีลักษณะเหมือนไม่สุด
มีปริมาณอุจจาระที่ออกมาน้อย
อุจจาระที่ออกมามีลักษณะเป็นก้อนแข็ง
ขับถ่ายได้น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
รู้สึกอึดอัดแน่นท้องอยู่เป็นประจำ
หากคุณมีอาการตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น นั่นอาจแปลว่าคุณเข้าข่ายผู้ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก แต่อย่าเพิ่งกังวลใจเกินไป เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางแก้
เมื่อมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือท้องผูก สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงจะเป็นการใช้ยาระบายหรือยาถ่าย ซึ่งให้ผลรวดเร็วทันใจ หากแต่ว่าแน่ใจหรือไม่ว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยต่อร่างกายในระยะยาว?
การกินยาถ่ายหรือยาระบายต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือกินทุกครั้งที่ท้องผูกจะส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายแบบถาวร เพราะจะทำให้ร่างกายของเราจะคุ้นชินกับการขับถ่ายที่ต้องได้รับการกระตุ้นจากยาเท่านั้น ระบบขับถ่ายจึงทำงานได้ไม่เป็นปกติ ไม่บีบรัดตัวเอง ราวกับว่าร่างกายลืมวิธีการขับถ่ายตามธรรมชาติ เมื่อไม่กินยาก็จะขับถ่ายไม่ได้
ในอีกกรณีหนึ่งสำหรับผู้ที่กินยาถ่ายหรือยาระบายต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน ที่สุดแล้วจะต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดปัญหาการดื้อยา ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้ เป็นต้น
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ากว่า 50% ของผู้ที่มีปัญหาท้องผูกนั้นสามารถกลับมาขับถ่ายได้เป็นปกติ เพียงแค่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม ดังนี้
1. เลี่ยงหรือลดปริมาณการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพราะอาหารประเภทนี้มีโปรตีนและไขมันสูง ส่งผลให้กับระบบย่อยอาหารต้องทำงานอย่างหนัก เพราะย่อยยาก
2. เลี่ยงหรือลดการสูบบุหรี่ รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะไปรบกวนการทำงานของระบบขับถ่าย
3. เลือกดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่มากพอ (2-3 ลิตรต่อวัน) เพราะจะช่วยให้อุจจาระมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
4. เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยหรือไฟเบอร์ที่เป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณอุจจาระ และเป็นการกระตุ้นการเคลื่อนตัวภายในลำไส้ใหญ่ให้เร็วขึ้น
5. เสริมด้วย 2 ตัวช่วยจากธรรมชาติ พรีไบโอติกส์ (Prebiotic) ร่วมกับโปรไบโอติก (Probiotic) คือ อีกทางเลือกที่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้จริง ที่สำคัญคือปลอดภัยกว่าการใช้ยาระบาย
เนื่องจากพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) เป็นใยอาหารที่ช่วยเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังช่วยดูดซับสารพิษและสารก่อมะเร็งในทางเดินอาหารเพื่อไม่ให้สารอันตรายเหล่านั้นดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ช่วยทำให้อุจจาระมีกากใยและนิ่ม ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
ขณะที่โปรไบโอติก (Probiotic) ก็ได้ถูกนำมาใช้ป้องกันและแก้ปัญหาท้องผูกเช่นกัน ทั้งยังช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย เพราะ โปรไบโอติกกลุ่มแลคโตบาซิลลัสนั้นช่วยลดภาวะอักเสบของลำไส้ ช่วยทำให้เยื่อบุลำไส้หลั่งสารพิษออกมาน้อยลง อีกบทบาทที่สำคัญคือช่วยปรับลดปริมาณจุลชีพในลำไส้ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบ ทำให้ช่วยลดการอักเสบได้และลดโอกาสการอักเสบซ้ำ
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้เองจึงแนะนำให้ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูก เลือกเสริมทั้งพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) และ โปรไบโอติก (Probiotic) ควบคู่กันไป เพราะถือเป็นการผสานพลังจากธรรมชาติเพื่อการขับถ่ายที่ดี และสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ด้วยความห่วงใยจาก…MEGA We care