คนจำนวนมากอาจจะยังลังเลถึงประสิทธิภาพในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส แต่ความไม่แน่ใจอาจจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อมีผลการสำรวจครั้งใหญ่ ซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัย Gallup ซึ่งเป็นบริษัทที่รับวิเคราะห์ซึ่งตั้งอยู่ใน Washington D.C ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ชี้ให้เห็นผลสำรวจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนว่า ความลังเลของคนทั่วโลกที่ยังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสได้อย่างถาวร
สำนักวิจัย Gallup ได้ทำการสำรวจใน 117 ประเทศ พบว่ามีคนทั่วโลกไม่ถึง 70% ใน 79 ประเทศยืนยันว่าจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดที่จะสามารถทำให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ตามคำจำกัดความของนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยในจำนวนนี้มี 20 ประเทศ ที่ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่บอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีน เช่น ในประเทศรัสเซีย โคโซโว และเซเนกัล และหากประเมินตัวเลขในวงกว้างอ้างอิงจากผลสำรวจครั้งนี้จะพบว่ามีประชากรโลกมากกว่า 1,000 ล้านคนที่ปฏิเสธวัคซีน จากจำนวนทั้งหมด 7,600 ล้านคน
เวลานี้รัฐบาล และผู้ที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆ พยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ถึง 70% เป็นอย่างน้อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำหรับการควบคุมการระบาด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความลังเลนี้น่าจะลดลง เมื่อประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้จริงๆ โดยในขณะที่เริ่มทำการสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว มีหลายประเทศซึ่งยังไม่ได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศนั้นๆ
มีข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจ เพราะสหรัฐฯ คือตัวอย่างที่ดีสำหรับการตัดสินใจฉีดวัคซีนของคนในประเทศ โดยผลการสำรวจของ Gallup ระหว่างเดือนสิงหาคม -ตุลาคมปีที่แล้ว พบว่า 46% ของคนอเมริกันบอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด แต่ในการสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวเลขกลับลดลงเหลือ 26% (ลดลงเกือบครึ่ง) ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการเข้าถึงวัคซีน การกระจายความรู้ให้กับคนในประเทศ และการช่วยกันกระจายข่าวประโยชน์ของการฉีดวัคซีนจากสื่อต่างๆ ทั้งสื่อหลัก และสื่อสังคมออนไลน์
โดยกรณีความลังเลของประชาชนในบางประเทศผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Gallup เชื่อว่าสาเหตุที่ประชาชนไม่แน่ใจที่จะฉีดวัคซีน เพราะไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล หรือไม่มั่นใจในคุณภาพของตัววัคซีนที่ประเทศนั้นมีอยู่ รวมถึงได้รับข้อมูลผิดๆ (Fake News) เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน
สรุปได้ว่าการฉีดวัคซีน ถือเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ ถึงแม้จะไม่ 100% แต่ก็สามารถลดความรุนแรงหากมีการติดเชื้อ และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยทุกคนจะต้องฉีดวัคซีน ควบคู่ไปกับการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายต้องการ เช่น วิตามินซี วิตามินดี และแร่ธาตุสำคัญอย่างสังกะสีอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนหลับให้ได้ตามชั่วโมงที่กำหนด (6-8 ชั่วโมง)
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.voathai.com/a/worldwide-vaccine-hesitancy-poses-risk-to-ending-pandemic/5876637.html