ในช่วงตั้งแต่มีสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จนถึงปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักสมุนไพรที่ชื่อว่า “ฟ้าทะลายโจร” เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้บรรจุสมุนไพรแพทย์แผนไทยชนิดนี้ ถือเป็นหนึ่งในยา
ที่ใช้รักษาร่วมกับยารักษาแผนปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพ และแนะนำให้มีติดตัว หรือติดบ้านไว้เสมอ

     ถึงแม้ สมุนไพรฟ้าทะลายโจร จะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายคนสงสัยเกี่ยวกับการกินฟ้าทะลายโจรที่ถูกต้อง

สมุนไพรฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาโรคโควิด-19 และโรคหวัดได้อย่างไร?

     สมุนไพรฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มี “สารแอนโดรฟราโฟไลด์” ซึ่งมีสรรพคุณที่ช่วยรักษาโรคโควิด-19 และโรคหวัดอยู่ 4 ข้อ ก็คือ
     1.  ยับยั้งการเพิ่ม และลดจำนวนเชื้อไวรัสที่เข้าสู่เซลล์ในร่างกาย
     2.  ช่วยลดการอักเสบ
     3.  ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น
     4.  ช่วยลดไข้ และอาการไอเจ็บคอ

วิธีกินสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ถูกต้อง และดีต่อร่างกายสูงสุด

1.  คนที่ป่วยเป็นโควิด-19
     ผู้ใหญ่ : ที่มีอาการไม่รุนแรง ควรได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน
     เด็ก : ที่มีอาการไม่รุนแรง ควรได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน

2.  คนที่ป่วยเป็นโรคหวัด (เจ็บคอ เป็นไข้ และน้ำมูกไหล)
     ผู้ใหญ่และเด็ก : ควรได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันไม่เกิน 3-5 วัน (เมื่ออาการดีขึ้น สามารถหยุดกินได้ทันที

“คนที่มีอาการคล้ายเป็นหวัด ไอ เจ็บคอ เป็นไข้ และน้ำมูกไหล หรือไปสัมผัสเสี่ยงสูงมาให้กินสมุนไพรฟ้าทะลายโจรได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ ATK ขึ้นสองขีด”

ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

เลือกซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรอย่างไรให้ปลอดภัย และได้ประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด?

     เนื่องจากในปัจจุบันมีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรหลากหลายยี่ห้อ และสารสำคัญในแต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน ผู้เชี่ยวชาญจึงรวบรวมวิธีการเลือกซื้อด้วยการพิจารณาข้อมูลที่สำคัญ 3 ข้อดังนี้
     1. ควรเลือกให้อยู่ในรูปแบบแคปซูลที่เป็นแบบ ‘สารสกัด’ เพราะจะให้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ที่ครบถ้วน และเข้มข้นเมื่อเทียบกับแบบผงบด ทำให้ไม่ต้องรับประทานครั้งละหลายเม็ด และยังมีผลข้างเคียงต่ำกว่าอีกด้วย

     2.  ต้องเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน และระบุปริมาณของสารแอนโดรกราโฟไลด์ไว้บนบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน

     3.  ต้องเลือกยี่ห้อที่ผลิตได้มาตรฐาน GMP มาตรฐานยาระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณตัวยาสารสำคัญเท่ากันทุกเม็ด ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ โลหะหนัก และสารเคมีตกค้าง