9 รายชื่อยาที่ควรมีติดบ้านในยุคนี้

9 รายชื่อยาที่ควรมีติดบ้านในยุคนี้

ในปัจจุบันแม้จะอยู่บ้านตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปไหน แต่อาการเจ็บป่วยก็ยังเข้ามาหาเราได้ถึงที่ เพราะมลพิษ ฝุ่นละออง เชื้อโรคที่อยู่รอบตัว รวมไปถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นในช่วงสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่ทุกบ้านควรต้องมี คือ ยาสำคัญพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรักษาอาการเบื้องต้นได้อย่างทันท่วงที

9 รายชื่อยาที่ควรมีติดบ้านในยุคนี้

  1. สมุนไพรฟ้าทะลายโจร
    ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฟ้าทะลายโจร กลายมาเป็นยาสามัญประจําบ้าน ที่ทุกบ้านต้องมี เพราะสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ในฟ้าทะลายโจร มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจ ลดการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ด้วยสรรพคุณทางยา ทำให้คนจำนวนมากหาซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาอาการโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ควรศึกษาให้ดีก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่มีอาการหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก สามารถรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันไม่เกิน 3-5 วัน สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ สามารถรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ วันละ 180 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน แต่ต้องระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้ใช้ยาลดความดันและต้านเกล็ดเลือด
  2. ยาลดไข้ พาราเซตามอล
    เป็นยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดบ้านไว้ตลอด เมื่อมีไข้ ให้กินยาพาราเซตามอลทันที หรือมีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37 องศาเซลเซียส แต่สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สามารถทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่ควรทานให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว (10มก./กิโลกรัม/ครั้ง) ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือกรณีถ้ามีอาการไข้สูงและปวดเมื่อยร่วมด้วยแนะนำเป็นยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) โดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
  3. ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก
    อาการน้ำมูกไหล จาม คันตา น้ำตาไหล คันจมูก หรือคันคอ เป็นอาการหวัดที่พบได้บ่อย และถือเป็นอีกหนึ่งอาการของผู้ป่วยอาการโควิด ดังนั้นยาแก้แพ้ ลดน้ำมูกจึงเป็นอีกยาที่ควรมีติดบ้านไว้เสมอ แนะนำเป็นกลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamine) ตัวยาลอราทาดีน (Loratadine) , เซทิริซีน (Cetirizine) ที่ออกฤทธิ์นานถึง 24 ชั่วโมง ผลข้างเคียงน้อย ไม่ทำให้ง่วงซึม เนื่องจากยาแก้แพ้บางชนิดอาจมีผลข้างเคียงจะทำให้ง่วง คอแห้ง เสมหะ เหนียวข้นขับออกได้ยาก ทำให้อาการไอ หนักขึ้น
  4. ยาลดอาการแก้ไอ
    เมื่อมีอาการไอที่เป็นผลพวงมาจากอาการไข้หวัด ควรทานยาลดอาการไอ ที่ชื่อยาเด็กซ์โตรเมโทแฟน (dextromethorphan) แต่ในกรณีที่มีอาการไอแบบมีเสมหะร่วมด้วย ควรเลือกใช้ยาแก้ไอที่มีส่วนช่วยในการละลายเสมหะ แต่หากเป็นอาการไอแห้ง ควรเลือกทานยาประเภทกดอาการไอ แต่ควรกินตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
  5. ยาละลายเสมหะ
    เมื่อมีอาการไอ ร่วมกับมีเสมหะควรทานยาละลายเสมหะ โดยตัวยาที่นิยมใช้ คือ ยาเอ็น-อะเซทิลซิสเทอิน (N-acetylcysteine) หรือเรียก อีกชื่อว่า NAC ตัวยาชนิดนี้จะช่วยลดความเหนียวข้นของเสมหะ ช่วยให้ร่างกายขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น
  6. สเปรย์พ่นคอ
    สเปย์พ่นคอ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพกติดตัวไว้เสมอ สามารถฉีดพ่นคอได้ทุกครั้งเมื่อต้องการหรือเริ่มรู้สึกระคายคอ เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ แนะนำให้เลือกสเปย์พ่นคอ ที่ทำมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น โพรโพลิส คาโมมายลล์ เปปเปอร์มินต์ ว่านหางจระเข้ ยูคาลิปตอล ชะเอมเทศ น้ำผึ้ง ซึ่งจะมีสรรพคุณลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากและลำคอ ช่วยให้ลม ลดอาการคันคอ ระคายคอ และเจ็บคอได้ดี
  7. สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก
    ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำจมูกไหล ทำให้จมูกโล่งและหายใจได้สะดวกขึ้น และยังช่วยสร้างเกราะ ปกป้องทางเดินหายใจ และลดการสัมผัสของสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งแปลกปลอมกับโพรงจมูก
  8. ผงเกลือแร่ ORS
    ใช้เพื่อชดเชยน้ำเเละเกลือเเร่ที่เสียไปเมื่อเกิดอาการท้องเสียเฉียบพลัน หรือ อาเจียน แนะนำให้รับประทานครั้งละ 1 ซอง ค่อยๆ จิบ เมื่อมีอาการเท่านั้น
  9. วิตามินซี 1,000 mg
    วิตามินซี มีคุณสมบัติเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว ช่วยให้เม็ดเลือดขาวต่อสู้และกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงเชื้อไวรัส ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทานวิตามินซีทุกวันเป็นประจำ ถือเป็นทางลัดในการการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และเมื่อมีอาการหวัดสามารถรับประทานวิตามินซีได้ทันที เพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัดให้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 9 รายชื่อยาที่ได้กล่าวไปข้างต้น ถือเป็นหนึ่งวิธีในการดูแลและรักษาเพียงเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว สุขภาพที่ดีต้องสร้างด้วยตัวเราเอง เริ่มจากการปรับเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตเล็กๆน้อยๆ เช่น การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เน้นผัก และผลไม้ ออกกำลังกายให้มากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง และห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยได้ และยิ่งในช่วงโรคระบาดแบบนี้ การเว้นระยะห่างยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและคนรอบข้าง ด้วยความห่วงใยจาก….Mega Wecare
อ้างอิง

-

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

มารู้จักกลุ่มโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) และวิธีป้องกันง่ายๆ

รู้ให้ละเอียดยิ่งขึั้นกับเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

วิตามินซี และฟ้าทะลายโจร2 สิ่งสำคัญของผู้ติดเชื้อ เมื่อต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน