ผู้ชายเมื่อเริ่มเข้าสู่อายุ 35 ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกายจะเริ่มเสื่อมถอยลงอย่างชัดเจน นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีหลายปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ชายโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเรื้อรัง การพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และขาดการออกกำลังกายทั้งหมดส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่แย่ลง ทั้งเรื่องสุขภาพ การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และชีวิตครอบครัว
1. ฮอร์โมนเพศชายลดลง
ฮอร์โมนเพศชายหรือที่เรียกว่า เทสโทสเตอโรน (Testosterone) จะมีมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น แต่ระดับของฮอร์โมนนี้จะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไปปีละประมาณ 1% แต่ในปัจจุบันพบว่า ผู้ชายส่วนใหญ่
เริ่มพบปัญหาฮอร์โมนเพศลดลงกันเร็วขึ้นและมากขึ้น จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และเมื่อฮอร์โมนเพศชายลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกายนั่นเอง
2. ความต้องการและสมรรถภาพทางเพศลดลง
เมื่อฮอร์โมนเพศชายลดลงก็จะส่งผลกระทบทางด้านอารมณ์ที่เกี่ยวกับความต้องการทางเพศ ท้ายที่สุดสมรรถภาพทางเพศจะลดลง ปริมานอสุจิน้อยลง และทำอวัยวะเพศแข็งตัวได้ไม่ดี จึงทำให้ผู้ชายสูญเสียความมั่นใจ ซึ่งอาจจะส่งให้เกิดปัญหาชีวิตรัก และความสัมพันธ์ได้
3. รูปลักษณ์ภายนอกเริ่มเปลี่ยนแปลง
อีกสิ่งที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนเมื่ออายุผู้ชายเริ่มมากขึ้นก็คือ สภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป
บางคนเริ่มผมร่วงตั้งแต่อายุ 30 ปี ผมเริ่มบาง หัวเริ่มล้าน อ้วนลงพุง หน้าท้องยื่น ซึ่งอาจทำให้ขาดความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง
4. อารมณ์แปรปรวน
เมื่อฮอร์โมนเพศชายต่ำลงจะทำให้ผู้ชายหลายคนมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย เบื่อหน่าย ขี้บ่น ขี้น้อยใจ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือหลับไม่สนิท หลับยาก และตื่นมาไม่สดชื่น
5. ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง
นอกจากส่งผลต่ออารมณ์ที่แปรปรวนแล้ว เมื่อฮอร์โมนเพศชายต่ำลงยังส่งต่อร่างกายผ่านทางอาการ อ่อนเพลีย ไม่กระชุ่มกระชวย ไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า และกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกายลดขนาดลง
6. เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ
อีกสิ่งสำคัญที่ผู้ชายหลายคนไม่รู้คือ การเสี่ยงต่อการโรคเรื้องรังต่างๆ เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต และต่อมลูกหมากโต
ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองอายุเริ่มเพิ่มขึ้น สมรรถภาพต่างๆ ของร่างกายเริ่มลดลงหาวิธีก็พยายามหาวิธีที่จะทำให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่า สดชื่น กระชุ่มกระชวยอีกครั้ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศชายได้แนะนำวิธีการดูแลตัวเองเพื่อฟื้นคืนสุขภาพไว้ ดังนี้
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
เลิกพฤติกรรมนอนดึก เพราะการนอนอย่างเพียงพอและนอนหลับอย่างมีคุณภาพจะช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู ซ่อมแซม สร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนออกมาได้มากขึ้น ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง
2. ควบคุมน้ำหนัก
การมีน้ำหนักที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีภาวะอ้วนลงพุงจะส่งผลต่อระบบฮอร์โมน และจะทำให้เสี่ยงต่อการมีบุตรยากและโรคต่าง ๆ
3. ใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้ดียิ่งขึ้น
การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย จะช่วยส่งเสริมร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น ควรเน้นอาหารประเภทโปรตีน เช่น ไก่ ไข่ปลา ถั่ว ธัญพืชชนิดต่าง ๆ เต้าหู้ และอาหารที่มีกากใยสูง เน้นการรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
4. ออกกำลังกายเป็นประจำ
หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อได้อีกด้วย ซึ่งออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที
5. ลดความเครียด
ความเครียด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สุขภาพเสื่อมเร็วขึ้น ไม่เพียงแต่จะเป็นต้นเหตุของภัยสุขภาพต่างๆ ความเครียดยังมีผลต่อฮอร์โมนร่างกาย และยังทำให้ฮอร์โมนเพศทำงานผิดปกติ สิ่งสำคัญควรลดความเครียด หากิจกรรมที่ชื่นชอบเช่น ร้องเพลง ปลูกต้นไม้ เป็นต้น
6. การเสริมด้วยวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นเพิ่มขึ้น
หนึ่งในเคล็ดลับการดูแลสุขภาพเพศชายที่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ การเลือกรับประทานวิตามินสำหรับผู้ชาย แร่ธาตุ และสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพศชาย เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) อย่างเป็นธรรมชาติ และสร้างกล้ามให้เนื้อแข็งแรงทนทาน ซึ่งวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้ชายประกอบไปด้วย
จะเห็นได้ว่า ผู้ชายเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ และต้องพิถีพิถันใส่ใจกับการดูแลตัวเองให้มากขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเลือกเสริมวิตามินสำหรับผู้ชาย รวมถึงแร่ธาตุและสารอาหารที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องปฏิบัติควบคู่กัน
-