มัดรวม 5 วิตามินผิว สารอาหารบำรุงผิวใสจากธรรมชาติ

ผิวขาว
วิตามินผิว จากธรรมชาติ

ผิวสวย กระจ่างใส และสุขภาพดีต่างเป็นผิวที่หลายคนปรารถนา วิตามินผิว หรือสารอาหารบำรุงผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้นได้ ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพผิวนั้นสามารถพบได้ทั่วไปจากแหล่งอาหารธรรมชาติ หากร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอจะส่งผลให้สุขภาพดีและผิวพรรณสุขภาพดีขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสดใสขึ้น อาจจะต้องเน้น วิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะ 

วิตามินผิว เพื่อบำรุงผิวสวย กระจ่างใส มีอะไรบ้าง?

วิตามินผิว เป็นสารอาหารที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนัง รวมถึงมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนังอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวแห้ง หรือมีปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา โดยวิตามินและสารอาหารเหล่านี้จะประโยชน์ต่อการบำรุงผิว รวมถึงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างเซลล์ผิว เช่น

1. วิตามินซี

วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินผิวที่สำคัญในการช่วยให้โครงสร้างของคอลลาเจนแข็งแรง โดยช่วยส่งเสริมการทำงานของยีนส์ที่สร้างคอลลาเจนในร่างกายและผิวหนัง นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งกระบวนการสร้างเมลานินและลดรอยด่างดำที่เกิดจากมลพิษและแสงแดดอีกด้วย อีกทั้งยังมีการศึกษา พบว่า การรับประทานวิตามินซีสามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ลดการอักเสบและช่วยสมานแผล รวมถึงความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย 

2. วิตามินอี

วิตามินอี (Vitamin E) เป็นอีกหนึ่งวิตามินบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับวิตามินซี ทำหน้าที่ป้องกันการสร้างอนุมูลอิสระจากไขมัน (Lipid Peroxidation) และปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายโดยมีกระบวนการทำงานร่วมกับสารอื่น เช่น วิตามินซี หรือซีลีเนียม เป็นต้น จึงช่วยชะลอวัยผิวและฟื้นบำรุงผิวจากสภาวะต่างๆ เช่น ฝ้า รอยแผลเป็น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผิวอักเสบ เป็นต้น

3. โคเอนไซม์คิวเทน

โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ที่รู้จักกันในนามสารชะลอวัย โดยโคเอนไซม์ชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันและมีความสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานในเซลล์ โดยปกติแล้วร่างกายจะสร้างโคเอนไซม์คิวเทนลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การเผชิญกับแสงแดด ความเครียด รวมถึงผลข้างเคียงจากยาลดไขมันกลุ่มสแตตินที่ทำให้โคเอนไซม์ชนิดนี้ผลิตน้อยลง ซึ่งหากพลังงานในเซลล์ผิวไม่เพียงพออาจส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลงและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น โคเอนไซม์คิวเทนจึงเป็นหนึ่งในสารสำคัญที่ช่วยบำรุงและชะลอวัยผิวได้โดยตรง

4. วิตามินบี 3 

วิตามินบี 3 (Vitamin B3) หรือ Niacin วิตามินผิว ที่มีประโยชน์ในการเสริมความแข็งแรงให้ผิว ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้ง รวมถึงช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เคราตินที่เป็นโครงสร้างหลักของผิว โดยวิตามินบี 3 สามารถใช้ได้ ทั้งรูปแบบทาและรับประทานจากอาหาร

4. กลูตาไธโอน 

หนึ่งในตัวช่วยเรื่องผิวยอดนิยมอย่าง กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์ได้เอง ประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิดรวมกัน ได้แก่ L-Cysteine Glycine และ Glutamic acid โดยมี L-Cysteine เป็นสารตั้งต้นในการผลิต โดยประโยชน์ของกลูต้าไธโอนนั้นมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลาย ช่วยให้ตับทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดี นอกจากนี้ยังปกป้องเซลล์และช่วยชะลออายุของเซลล์ในร่างกาย รวมถึงช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่สร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิวชนิดเข้ม เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นให้ผลิตกลู้ตาไธโอนมากขึ้น อาจสังเกตได้ว่าผิวสว่าง กระจ่างใสขึ้น ซึ่งเป็นผลมากจากเม็ดสีผิวสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีอ่อนลง จึงทำให้สีผิวโดยรวมดูสว่างขึ้นนั่นเอง 

วิตามินผิว วิตามินอี วิตามินซี วิตามินบี 3 โคคิวเท็น กลูตาไธโอน

วิตามินผิว จากสารอาหารบำรุงผิวธรรมชาติ

อาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วย วิตามินบำรุงผิว และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่

  • เนื้อ นม ไข่  โปรตีนคุณภาพดีที่พบในเนื้อสัตว์ นม และไข่ มีสารสำคัญอย่างแอล- ซิสเตอีน (L-Cysteine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างกลูต้าไธโอนในร่างกาย โดยทำงานร่วมกันกับไกลซีน (Glycine) และกรดกลูตามิก (Glutamic acid)  ที่มีในของร่างกายเรา ถึงแม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างขึ้นมาเองได้แต่อาจมีปริมาณน้อย การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอาจช่วยเสริมกรดอะมิโนให้กับร่างกายได้ โดยแนะนำให้รับประทานร่วมกับวิตามินซีหรือแคลเซียม เพื่อให้เกิดการสร้างกลูตาไธโอนขึ้น
  • มะขามป้อม (Amla) มะขามป้อมเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง อีกทั้งยังมีสารแทนนินและโพลีฟีนอลที่ช่วยป้องกันการสลายตัวของวิตามินซี จึงทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน นอกจากนี้มะขามป้อมยังอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัส จึงมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ชะลอการเกิดริ้วรอย ส่งเสริมการทำงานกับ L-cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้าง กลูต้าไธโอนในร่างกายได้ดีอีกด้วย 
  • เมล็ดองุ่น (Grape seed) เป็นอาหารบำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและกระจ่างใสขึ้น โดยในเมล็ดองุ่นมีสารโอลิโก   เมอริก โปรแอนโธไซยานิดินส์ (Oligomeric Proanthocyanidins) หรือ OPCs ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงผิวพรรณ  นอกจากนี้ยังช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือดดำหรือเส้นเลือดขอดได้อีกด้วย ปัจจุบันจึงนิยมนำเมล็ดองุ่นมาสกัดให้ได้สารสำคัญอย่างเข้มข้น จึงสามารถรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างสะดวก
    อ่านต่อ : สารสกัดเมล็ดองุ่น อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการดูแลผิว
  • มะเขือเทศ เนื่องจากมะเขือเทศนั้นอุดมไปด้วย วิตามินบำรุงผิว และแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี 1,3,6  ฯลฯ โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางมีปริมาณของวิตามินซีเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และ มะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอถึง 1 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโนต่างๆ ที่ดีต่อการบำรุงผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระและการเกิดริ้วรอย รวมถึงช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดดได้ดีอีกด้วย
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รี ราสเบอร์รี มัลเบอร์รี องุ่น ฯลฯ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารแอนโทไซยานินและฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดการอักเสบ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและสุขภาพดี
  • อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวหนัง รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพผิว เช่น วิตามินอี วิตามินเอ และกรดโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และ ลดการอักเสบของผิวหนังได้ดีอีกด้วย
  • ธัญพืชตระกูลถั่ว ธัญพืชตระกูลถั่ว ไม่ว่าจะเป็น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ จมูกข้าว รวมถึงธัญพืชต่างๆ ถือเป็นแหล่งวิตามินผิวชั้นดี เพราะในถั่วเหล่านี้อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอวัยผิว มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยต้านการอักเสบ เสริมสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ผิว และช่วยทำให้ผิวดูชุ่มชื้นอิ่มน้ำอีกด้วย 

นอกจากอาหารเหล่านี้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และการดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เซลล์ผิวได้รับการซ่อมแซมและฟื้นบำรุงอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวใส ชุ่มชื้น และสวยสุขภาพดีได้จากภายในสู่ภายนอก

วิตามินผิว มีวิธีใช้อย่างไรให้ผิวสวยอย่างปลอดภัย

การบำรุงผิวด้วยวิตามินนอกจากการรับประทานอาหารจากธรรมชาติแล้ว ยังมีวิธีเสริมวิตามินอีกหลายวิธี โดยวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีอยู่ 3 วิธีหลักๆ ได้แก่

  1. การทาครีมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่มีส่วนผสมของวิตามินบำรุงผิว โดยบำรุงผิวจากภายนอกจะช่วยเคลือบผิวให้มีความชุ่มชื้นและมีการผสมสารบำรุง เช่น วิตามินอี วิตามินบี 3 หรือสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ อาจช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน และได้รับประโยชน์ส่วนหนึ่งจากวิตามินบำรุงผิวได้ โดยวิธีใช้ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลังทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อให้เนื้อครีม เจล หรือเซรั่ม ซึมซาบลงสู่ชั้นผิวหนังได้ดี
  2. การฉีดผิวหรือดริปวิตามินผิว (IV Drip) เป็นการฉีดสารบำรุงหรือวิตามินผิวเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน เพื่อคงประสิทธิภาพในช่วงเดือนแรกควรฉีดผิวทุกสัปดาห์และหลังจากนั้นฉีดทุก 2 สัปดาห์ โดยการฉีดผิวจะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำหัตถการ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เท่านั้น
  3. การรับประทานอาหารเสริมบำรุงผิว เหมาะสำหรับการเสริมวิตามินหรือสารอาหารชนิดที่เฉพาะเจาะจง เช่น หากต้องการบำรุงผิวให้กระจ่างใสอาจเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วย L-Cysteine สารสกัดเมล็ดองุ่น หรือวิตามินซี เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีทั้งชนิดแคปซูลและชนิดผงละลายน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิตามินในรูปแบบต่างๆ ควรพิจารณาคุณภาพ มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ทุกครั้ง 

ปรึกษาการใช้ วิตามินบำรุงผิว กับเภสัชกร ฟรี

อ้างอิง
  1. https://www.bdmswellness.com/knowledge/5-vitamins-to-strengthen-your-skin
  2. https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/6/กลูต้าไธโอน-glutathione-ทำให้ขาวจริงหรือ/
  3. https://nutrilite.co.th/th/article/vitamin-for-bright-skin
  4. https://hdmall.co.th/blog/health/the-benefits-of-indian-gooseberry/
อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ผิวแห้งและริ้วรอย

เรื่องริ้วรอย...ไม่ว่าใครก็คอยไม่ได้

ผิวแห้งและริ้วรอย

ความเชื่อผิดๆ ของการกินคอลลาเจนสำหรับผิว