4 โรคสำคัญที่มาพร้อมฤดูฝน

ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ทำให้ในหลายพื้นที่มีฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง โดยในฤดูฝนเป็นช่วงที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและมีความชื้นสะสมในชั้นบรรยากาศ จึงทำให้การดูแลสุขภาพให้ช่วงฤดูฝนเป็นสิ่งสำคัญ

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแสดงความเป็นห่วงสุขภาพต่อประชาชนคนไทยในช่วงฤดูฝนนี้ โดยแนะให้พกร่มหรือเสื้อกันฝนเมื่อต้องออกไปข้างนอกอาคารที่อยู่อาศัย ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เพื่อการป้องกันโรคที่มากับน้ำเสีย อีกทั้งยังแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิซี เช่น ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง ลิ้นจี่ มะละกอ กีวี่ สตรอว์เบอร์รี เป็นต้น เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีโรคติดต่ออีกมากที่มักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝน การดูแลสุขภาพของตัวเองและทุกคนในครอบครัวจึงไม่ควรละลาย เพราะในบางอาการอาจไม่ใช่เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ดังนั้นมาทำความรู้จักกับโรคที่ต้องระวังในช่วงฤดูฝนนี้

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus)

โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์และสามารถแพร่กระจายได้ง่าย โดยไข้หวัดใหญ่จะมีอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีกล้ามเนื้ออักเสบ และมีอาการทางระบบหายใจ เช่น มีน้ำมูก ไอ หรือมีอาการหอบเหนื่อย ปอดอักเสบ โดยมีอาการรุนแรงหรือพบภาวะแทรกซ้อนได้บ่อยใน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง นอกจากนี้ยังมีอาการจากระบบประสาท เช่น ไข้สูงเเล้วชัก ซึม หรือไข้สมองอักเสบได้ โดยวิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดวัคซีน 1 เข็มต่อปี เพื่อป้องกันและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิต

โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)

เป็นโรคที่ระบาดหนักในช่วงหน้าฝน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี โรคนี้พบมากในเด็กโต วัยรุ่น และคนวัยทำงาน ผู้ป่วยจะมีไข้สูงนาน 3-7 วัน หน้าแดง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และพบเลือดออกที่ผิวหนังและในกระเพาะอาหาร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีการรั่วของน้ำออกมาจากเส้นเลือดซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะเลือดข้นและมีอาการช็อกได้ วิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออกสามารถทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงอยู่ในพื้นที่อับหรือแสงเข้าไม่ถึง เพื่อป้องกันไม่ให้โดนยุงกัดหรือทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำขัง และการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกก็สามารถช่วยป้องกันได้เกือบ 70% ช่วยลดความรุนแรงได้

โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea)

เกิดจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค จนทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารที่ลำไส้ ซึ่งส่งผลให้มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางรายอาจมีไข้ ปวดบิดในท้อง หรืออาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นในช่วงหน้าฝนควรระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลาง และล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง

โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot and Mouth Disease)

เป็นโรคที่มักพบในเด็กเล็ก สามารถติดต่อได้ง่าย ไม่มีวัคซีนป้องกัน และแพร่ระบาดในช่วงหน้าฝน โดยมีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส หลังจากรับเชื้อ 3-6 วัน ผู้ที่ติดเชื้อจึงจะเริ่มแสดงอาการมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย 1-2 วัน เจ็บปาก ไม่รับประทานอาหาร น้ำลายไหล เนื่องจากมีแผลร้อนใน ภายในปาก มีผื่นเป็นจุดแดงหรือตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจมีตามลำตัว แขน ขา

วิธีการดูแลตัวเองเพื่อลดเสี่ยงโรคต่าง ๆ ในฤดูฝน

1. พกร่มหรืออุปกรณ์กันฝน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเปียกฝน เพื่อลดโอกาสการเป็นโรคไข้หวัด

2. หากร่างกายเปียกฝนควรเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าใหม่และสะอาดทันที เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

3. หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง

4. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด และควรใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

6. ดื่มน้ำสะอาดและเลือกใช้ภาชนะที่สะอาดใส่อาหารหรือเครื่องดื่ม

7. ล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำเสร็จ หรือก่อนหยิบจับอาหารเข้าปาก

8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูในส่วนที่สึกหรอ

9. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ได้รับสารอาหาร วิตามินและเกลือแร่ให้ครบถ้วน หรือเสริมด้วยวิตามินที่มีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินดี แร่ธาตุสังกะสี วิตามินบี หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น 
อ้างอิง

-

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

มารู้จักกลุ่มโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) และวิธีป้องกันง่ายๆ

รู้ให้ละเอียดยิ่งขึั้นกับเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

วิตามินซี และฟ้าทะลายโจร2 สิ่งสำคัญของผู้ติดเชื้อ เมื่อต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน