Search

คอลลาเจน บำรุงข้อและบำรุงผิว แตกต่างกันอย่างไร

คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่ต่อกันเป็นเส้นใยยาวๆ พบในร่างกายมากถึง 30-40% และมีความสำคัญต่อเซลล์ในร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกอ่อน รวมถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ โดยคอลลาเจนจะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางเคมีและการนำคอลลาเจนไปใช้ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

คอลลาเจน (Collagen) มีกี่ประเภท

คอลลาเจนในปัจจุบันพบอยู่ 28 ชนิด และสามารถแบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen type I) เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกายถึง 90% และเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างกระดูก ผิวหนัง และเส้นเอ็น
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ ลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ พบมากในกระดูกอ่อน เช่น หู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen type III) มักพบได้ในชั้นผิวหนัง กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือดร่วมกับชนิดที่ 1
  • คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen type IIII) คอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว มักพบได้ในชั้นชั้นเยื่อบุผิว มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen type IIIII) พบในกระจกตา เส้นผม ผิวหนัง และรก

ความแตกต่างระหว่างคอลลาเจนบำรุงข้อและบำรุงผิว

การเลือกรับประทานคอลลาเจนเพื่อเสริมสุขภาพมีความจำเป็นสำหรับทุกคน เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นจะทำให้การผลิตคอลลาเจนในร่างกายลดลง รวมถึงอนุมูลอิสระที่พบได้ในชีวิตประจำวันที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจนในร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงโดยเฉพาะผิวหนัง เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ แต่การเลือกเสริมคอลลาเจนเพื่อบำรุงร่างกายควรเลือกชนิดของคอลลาเจนให้เหมาะสม โดยคอลลาเจนเพื่อบำรุงข้อต่อและบำรุงผิวมีความแตกต่างกัน ดังนี้



1. คอลลาเจน สำหรับบำรุงข้อกระดูก

คอลลาเจนสำหรับบำรุงข้อข้อต่อควรเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็น คอลลาเจนบำรุงข้อเข่า เนื่องจากพบมากในข้อกระดูกอ่อน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ จึงสามารถช่วยในการสร้างกระดูกอ่อนและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบริเวณข้อได้ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่พบว่า หากนำโปรตีนคอลลาเจนมาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้คอลลาเจนมีขนาดและความยาวสั้นลง เพื่อทำให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนและสามารถนำคอลลาเจนไปใช้ได้ในกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้กับข้อกระดูกได้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น คอลลาเจนไฮโดรไลเซต (Collagen Hydrolysate) สูตร Fortigel ที่ผ่านการวิจัยทางการแพทย์ว่าสามารถช่วยชะลอโรคข้อเสื่อมได้

อ่านต่อ : ลดปัญหา ปวดข้อเข่า ด้วยคอลลาเจน

2. คอลลาเจน สำหรับบำรุงผิว

คอลลาเจนที่เหมาะกับการบำรุงผิว ควรเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen type I) ซึ่งเป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกาย มีความสำคัญในเรื่องของเพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื้อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี ด้วยเหตุนี้ผิวของผู้ที่มีคอลลาเจนอย่างเพียงพอจึงสวย เนียน และเกิดริ้วรอยได้ช้าลง นอกจากนี้ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความก้าวไกลได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการผลิตในรูปแบบพิเศษ ที่เรียกว่า Bioactive Collagen Peptide (BCP) ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีการวิจัยสำหรับผิวโดยเฉพาะ ภายใต้สูตร Verisol พบว่า ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยมีปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเลือกคอลลาเจน (Collagen) ควรเน้นที่มีผลการวิจัยโดยเฉพาะ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้มากยิ่งขึ้น เช่น หากกังวลเรื่องของริ้วรอยก็ควรเลือกชนิดที่มีเป็นคอลลาเจนสำหรับผิว แต่หากมีความกังวลเรื่องข้อเสื่อมก็แนะนำให้เลือกชนิดสำหรับข้อ ที่สำคัญคอลลาเจนทั้งสองชนิดไม่สามารถทำหน้าที่แทนกันได้ การรับประทานคอลลาเจนจึงต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ที่ต้องการเป็นหลัก ด้วยความห่วงใยจาก MEGA We care

อ้างอิง

1.  ศูนย์ข้อมูลวิชาการบริษัทเมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ พีทีวาย จำกัด

2. https://www.medparkhospital.com/lifestyles/collagen

 

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ข้อเสื่อม

ข้อกระดูกเสื่อมหรือไม่ เช็คอาการได้ด้วยตนเอง

ข้อเสื่อม

เพิ่มความแข็งแรงให้ข้อเข่า ด้วย “ไฮโดรไลเซต คอลลาเจน ”

กระดูกพรุน

2 ตัวช่วยหมดปัญหากระดูกและข้อ