การเลือกกิน ‘อาหาร’ ในชีวิตประจำวันนั้นมีความสำคัญอย่างมาก หากเลือกกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง และลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคได้ ซึ่งการเลือกกินอาหารควรเลือกให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของตนเองหรืออาหารเฉพาะโรคสำหรับผู้ป่วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโรค ‘เบาหวาน’ ที่จำเป็นต้องมีการควบคุมอาหารในระยะยาว เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดและน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
เนื่องจากโรค เบาหวาน (Diabetes) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCD’s ที่ทั่วโลกมีคนที่เป็นโรคนี้สูงถึง 463 ล้านคน และ WHO หรือองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2045 จะมีคนที่เป็นโรคนี้เพิ่มถึง 629 ล้านคน ส่วนประเทศไทยก็เช่นกันมีแนวโน้มของจำนวนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3 แสนคน
เบาหวาน จึงเป็นอีกโรคหนึ่งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย โดยมีสถิติผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้สูงถึง 200 ราย/วัน ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ป่วยโรคเบาหวานจำเป็นต้องเลือกกินอาหารอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอาหารคุณภาพดี ครบ 5 หมู่ และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ รวมถึงมีสารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เช่น แอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid) วิตามินบี 1,6,12 สารสกัดจากขมิ้นชัน และเวย์โปรตีนสำหรับคนเป็นเบาหวาน เป็นต้น
อาหารที่คนเป็นโรคเบาหวานควรเลือกกิน คือ อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ มีไฟเบอร์หรือใยอาหารในปริมาณสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น
ส่วนอาหารที่คนเป็นเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีไขมันสูง รสหวานจัดหรือเค็มจัด เช่น ขนมหวานที่ใส่กะทิ เบเกอรี แกงกะทิ น้ำอัดลม อาหารทอดต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและคงระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป รวมถึงช่วยชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนในอนาคต
สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน นอกจากหลักในการปฏิบัติตัว เช่น อาหารที่เหมาะกับโรค การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานเสริมสารอาหารในแต่ละมื้อด้วย
1. แอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid)
กรดอัลฟ่า ไลโปอิด แอซิด (Alpha Lipoic Acid) ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาลที่ออกฤทธิ์ได้ทั่วร่างกาย (Universal antioxidant) สามารถละลายได้ทั้งไขมันและน้ำ มีผลวิจัยจากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า กรดแอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid) มีประโยชน์สามารถที่จะป้องกันโรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเบาหวานได้ เช่น อาการชาตามปลายมือปลายเท้า ในอาหารธรรมชาติสามารถพบกรดชนิดนี้ได้ใน บรอกโคลี ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีจึงมีสรรพคุณในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะไปเพิ่มความไวของอินซูลิน และลดอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยว่ามีส่วนช่วยลดอาการปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย
2. วิตามินบี 1, 6 และ 12
เนื่องจากอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าจากปลายประสาทอักเสบ ถือเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมากในคนที่เป็นเบาหวาน ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากร่างกายมีอนุมูลอิสระมากเกินไป ทำให้เยื้อหุ้มประสาทถูกทำลาย และร่างกายขาดวิตามินบี 1, 6 และ 12 ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสัญญาณสื่อประสาท ดังนั้นวิตามินบี 1, 6 และ 12 จึงเป็นวิตามินที่สามารถรักษาอาการชาดังกล่าวได้ รวมถึงช่วยให้สามารถรักษาอาการชาจากปลายประสาทอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากเลือกเสริมอาหารควรเลือกวิตามินบี 12 ที่เป็นรูปแบบเมทิลโคบาลามินในปริมาณสูง (500 ไมโครกรัม) ควบคู่กับการรักษาอาการชาที่ต้นเหตุด้วยการรับสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง
3. เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid)
ขมิ้นชัน สมุนไพรมากประโยชน์ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มีสารสำคัญ คือ เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น ช่วยรักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดการอักเสบตามข้อ และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ โดยมีผลการวิจัยว่าสารสกัดจากขมิ้นชันมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ระบบการทำงานของอินซูลินในร่างกายดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น และทำให้ระดับน้ำตาลสะสมของผู้ที่เป็นเบาหวานลดลง ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมในการผลิตสารเคอร์คูมินอยด์ในรูปแบบของไฟโตโซมที่ช่วยให้การละลายและการดูดซึมสารเคอร์คูมินอยด์ดีมากขึ้น โดยทำในรูปแบบไฟโตโซมซึ่งทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารสกัดแบบธรรมดาทำให้ได้ประสิทธิภาพของเคอร์คูมินอยด์ได้อย่างเต็มที่
4. เวย์โปรตีนสำหรับคนเป็นเบาหวาน
การควบคุมอาหารและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำการเสริมอาหารด้วยเวย์โปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักโดยเวย์โปรตีนคุณภาพดี (Whey Protein Concentrate) ดูดซึมง่าย ไม่ทำให้ท้องอืด มีไขมันและน้ำตาลต่ำ เพื่อช่วยส่งเสริมการหลั่งอินซูลินซึ่งมีส่วนในการช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ การเลือกเวย์โปรตีนที่ผลิตขึ้นมาเป็นอาหารสูตรครบถ้วน ที่มีการเพิ่มโปรไบโอติกและพรีไบโอติกเข้าไปในสูตร จะสามารถช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้สมดุลและเป็นการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ได้ตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งการเพิ่มกากใยอาหารหรือพรีไบโอติกในอาหารที่ใช้ทดแทนมื้ออาหารถือว่าเป็นการดูแลลำไส้ใหญ่ได้ดีเช่นเดียวกับการมีโปรไบโอติกในปริมาณสูง เพราะจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ง่ายของผู้ป่วยโรคเบาหวานและสำหรับทุกคน เสริมภูมิต้านทานและให้ประโยชน์ในการปรับสมดุลทางเดินอาหารให้ดีกว่าการไม่กินโปรไบโอติก อ่านต่อ : อาหารทางการแพทย์ ตัวช่วยที่ดีกว่าในการดูแลสุขภาพ
การปฏิบัติตัวและดูแลร่างกายตัวเองสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน อาจจะต้องมีความเข้มงวดเช่นเดียวกับโรค NCD’s อื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องพื้นฐานต่างๆ เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอาหาร การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ความดันโลหิต ไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้ได้ตามเป้าหมาย แต่ที่สำคัญมากคือ ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โดยหลักปฏิบัติของคนเป็นเบาหวานมี 12 ข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้
จะเห็นได้ว่า อาหาร หรือเรื่องโภชนาการมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนเป็น เบาหวาน ซึ่งอาจจะต้องเลือกกินอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องดีต่อสุขภาพ และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ หากดูแลเรื่องอาหารเป็นอย่างดีแล้ว การปฏิบัติตัวและดูแลร่างกายตัวเองอย่างเคร่งครัด เพียงเท่านี้คุณก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยความห่วงใยจาก_MEGA We care
-