วิตามินอี (Vitamin E) คือ สารอาหารที่พบได้มากจากอาหารและเครื่องปรุงที่เรากิน เช่น ไขมันจากพืช ผักใบเขียว ถั่วและธัญพืชต่างๆ รวมถึงไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำนมคน น้ำนมวัว น้ำมันตับปลา เนื้อสัตว์ ไข่ และตับ ซึ่งประโยชน์วิตามินอีในรูปแบบธรรมชาติจะให้คุณค่าสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า อีกทั้งร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ดีที่สุดอีกด้วย
– ผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระจำเป็นที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ
– ผู้ที่มีภาวะบกพร่องวิตามินอี ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการผิดปกติของการดูดซึมวิตามินอีในระบบทางเดินอาหาร
– ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณ เช่น ผิวขาดความชุ่มชื้น หรือผิวมีรอยแผลเป็น
– ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น อัลไซเมอร์ หรือโรคพาร์กินสัน
– ผู้ที่ต้องการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
– ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิต้านทานโรค
– ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง
– ผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการก่อนการมีประจำเดือน และมีอาการปวดประจำเดือนเป็นประจำ
– มีอาการชาตามปลายมือ ปลายเท้า
– กล้ามเนื้ออ่อนแรง
– อาการทางสมอง อาจทำให้เกิดการเดินเซ หรือพูดไม่ชัด
– ภาวะซีด จากเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
– ภูมิคุ้มกันลดน้อยลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
1. ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
วิตามินอีมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ต่างๆ ถูกทำลาย อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้เซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่
2. ปกป้องผิว
วิตามินอีสามารถช่วยให้เซลล์ผิวทนต่อรังสี UVB ในแดดได้ดีขึ้น หากกินในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำ
3. ปกป้องหัวใจ
ประโยชน์วิตามินอี ที่นอกจากป้องกันผิวแล้ว วิตามินอียังมีส่วนช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ และป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้หลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจเช็กความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันด้วยตนเอง คลิกที่นี่
4. ปกป้องสมอง
อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของวิตามินอี คือ การช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาท เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันจึงสามารถผ่านเข้าไปที่เซลล์สมองได้
5. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ
เช่น โรคมะเร็ง และความดันโลหิตสูง โดยวิตามินอีสามารถป้องกันไม่ให้ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อยู่ในอาหาร มาทำลายเซลล์ในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้วิตามินอีวิตามินอียังช่วยเพิ่มสารที่มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด จึงลดภาวะความดันโลหิตสูงได้นั่นเอง