วิตามิน คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี วิตามินบี วิตามินเอ รวมถึงแร่ธาตุต่างๆ แต่ยังมีวิตามินชนิดหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม แต่กลับมีความสำคัญอย่างมาก นั่นคือ วิตามินดี ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้บริเวณใต้ชั้นผิวหนังผ่านการกระตุ้นของรังสียูวีบี (Ultraviolet B) ที่ได้จากแสงแดด แต่ในปัจจุบันความร้อนของสภาพอากาศทำให้หลายคนไม่อยากออกไปสัมผัสกับแสงแดด และวิถีชีวิตของคนทำงานที่มักใช้เวลาอยู่ในอาคารมากกว่ากลางแจ้ง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดวิตามินดีได้
วิตามินดี (Vitamin D) คืออะไร?
วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องได้รับจากอาหารที่รับประทาน หรือแสงแดดที่มาสัมผัสผิวหนังเท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวของวิตามินดีจะละลายในไขมัน ทำหน้าที่ดูดซึมแคลเซียมไปใช้ในกระบวนการสร้างกระดูก ช่วยรักษาสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือด และช่วยในการทำงานของระบบประสาท สมอง หัวใจ ปอด ระบบภูมิคุ้มกัน และกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย
วิตามินดี 2 กับ วิตามินดี 3 ต่างกันอย่างไร?
วิตามินดี (Vitamin D) สามารถพบได้หลายชนิด ซึ่งชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่
- Vitamin D2 หรือ Ergocalciferol พบได้เฉพาะในพืช ตระกูลเห็ด รา และยีสต์
- Vitamin D3 หรือ Cholecalciferol คือ วิตามินที่ผิวหนังสามารถสังเคราะห์ได้จากแสงแดดอ่อนๆ และอาหาร เช่น ปลาทะเล ไข่แดง น้ำมันปลา เป็นต้น
ประโยชน์จากการรับประทาน วิตามินดี 3 เป็นประจำ
- ลดโอกาสการลื่นล้มในผู้สูงอายุ
จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า การรับประทานวิตามินดี 3 ในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันการลื่นล้มในคนสูงอายุได้ถึง 22% และลดการแตกหักของกระดูกสะโพก 30๔ รวมถึงกระดูกบริเวณอื่นได้อีก14%
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
วิตามินดี 3 มีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ และลดการสลายแคลเซียมจากมวลกระดูกได้
- ป้องกันโรคกระดูกอ่อน (Rickets)
หากร่างกายได้รับวิตามินดี 3 ในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ลดอาการของโรคกระดูกอ่อนที่มักเกิดในวัยรุ่น และวัยทำงาน
- เสริมการทำงานของระบบภูมิต้านทาน
ช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้ดี
- ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย
โดยเฉพาะเซลล์บริเวณลำไส้ เต้านม และต่อมลูกหมาก วิตามินดีจะช่วยควบคุมให้เซลล์เติบโตได้เป็นปกติ
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
โดยมีหน้าที่อยู่ในกระบวนการผลิตอินซูลินที่ตับอ่อน ทำให้ผลิตอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
- ควบคุมความดันโลหิตในร่างกาย
เนื่องจากวิตามินดี 3 ด้วยการลดการสร้างสารเรนิน (Renin) ในไตเพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงจนเกิดความผิดปกติ
อ่านต่อเพิ่มเติม : วิตามินดี (Vitamin D) ประโยชน์สำหรับคนทุกวัย
เราจะได้รับวิตามินดี 3 ได้จากแหล่งไหน?
เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินดีขึ้นมาเองได้ จึงควรได้รับวิตามินจากแหล่งอื่นๆ ดังนี้
- แหล่งอาหารหลายชนิด เช่น ไข่แดง ตับ นม เนย ปลาซาดีน และปลาทูน่า เป็นต้น
- แสงแดดในธรรมชาติ โดยให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อย 15 นาทีช่วงเช้าประมาณ 06.00-08.00 น. หรือช่วงเย็นหลัง 16.00 น. เพื่อให้ผิวหนังชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้าได้สังเคราะห์วิตามินดีจากรังสี UVB
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หากมีข้อจำกัดในเรื่องของการรับวิตามินดีด้วยวิธีข้างต้น การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดีนับเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมสร้างร่างกาย ซึ่งวิตามินดีในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรเป็นวิตามินดี 3 ซึ่งเป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นภายในร่างกาย เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ในร่างกายได้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด