หากจะพูดถึงโรคทางกระดูกที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคงหนีไม่พ้น โรคกระดูกพรุน ซึ่งผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนนั้นมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ง่ายกว่าคนทั่วไป และผู้ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น!! คำถามคือโรคกระดูกพรุนเกิดจากอะไร? ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนต้องดูแลตัวเองอย่างไร? ตาม MEGA We care ไปหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อม ๆ กัน
โรคกระดูกพรุน เกิดจากความหนาแน่นของกระดูกและแคลเซียมในกระดูกนั้นเริ่มลดลงกว่าปกติ จึงส่งผลให้กระดูกมีความเปราะบางไม่สามารถรับน้ำหนักได้เหมือนเดิมซึ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรค โดยเฉพาะเมื่อมีอายุ 40+ ปี ฮอร์โมนที่สำคัญของร่างกายจะผลิตได้น้อยลง หรือที่เรียกว่าภาวะพร่องฮอร์โมน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการสร้างกระดูกลดลง จนกระดูกบางลง กระดูกจึงเปราะ หรือหักได้ง่ายกว่าคนในช่วงวัยอื่น ๆ นอกจากการเสื่อมสลายของแคลเซียมที่เป็นไปตามวัยแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำเกิดภาวะกระดูกพรุนในกลุ่มผู้สูงวัยได้อีกด้วย ดังนี้
และเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแย่ลง เพราะต้องทนกับอาการปวดหลัง หลังโก่งงอ เคลื่อนไหวได้ลำบาก ปอดทำงานได้ไม่ดีทำให้เหนื่อยง่าย หรือแม้แต่ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก ดังนั้นการดูแลรักษามวลกระดูกในผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และกระดูกหักได้ง่ายกว่าปกติ
และนอกเหนือจากโรคกระดูกพรุนด้วยการดูแลตัวเองที่ได้แนะนำไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้ด้วยการเสริมสารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC), Vitamin D3 และ Vitamin K
และนอกจากโรคกระดูกพรุนที่เป็นภัยเงียบของผู้สูงอายุแล้ว อีกหนึ่งภัยเงียบที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินคือ หินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดหัวใจหรือความเสื่อมโดยธรรมชาติจึงทำให้เกิดคราบ “หินปูน” หรือ “แคลเซียม” มาเกาะบริเวณภายในหลอดเลือด เมื่อเกิดการเกาะแน่นเป็นเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากภาวะอุดตัน ในบางรายหากมีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ สมองอุดตัน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน มักมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีร่างกายปกติและสุขภาพแข็งแรง แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือดสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเน้นอาหารประเภทโปรตีน ผัก ผลไม้ ธัญพืช ให้มากขึ้น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ รวมถึงตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เป็นต้น นอกจากนี้การเสริมสารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC), Vitamin D3 และ Vitamin K2 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดความเสี่ยงของภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือดได้เช่นกัน
อ่านต่อ : สูงวัย ทำไมต้องใส่ใจกระดูกและข้อมากกว่าเดิม
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยและทุกคนในครอบครัว แนะนำว่าควรตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกทุกปี หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้กระดูกบางหรือกระดูกพรุน และที่สำคัญต้องเลือกกินอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเหมาะสมกับสภาพร่างกาย ด้วยความห่วงใยจาก_ MEGA We care
-