อยากนอนแต่นอนไม่หลับ รับประทานอะไรดี พร้อมวิธีแก้นอนไม่หลับ

ภาวะนอนไม่หลับ
อยากนอนแต่นอนไม่หลับ กินอะไรดีและมีวิธีรักษาอย่างไร

ปัญหา “อยากนอนแต่นอนไม่หลับ” หรือ ที่เรียกในทางการแพทย์ว่า ภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia) นั้น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน จากการสำรวจพบว่าคนไทยกว่า 30% ประสบปัญหานอนไม่หลับ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 25-45 ปี และผู้สูงอายุซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ในระยะยาว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และ ภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการนอนไม่หลับ มาดูกันว่า สาเหตุของปัญหานอนไม่หลับเกิดจากสาเหตุอะไร และ การรับประทานอาหารแบบไหนจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น 

อยากนอนแต่นอนไม่หลับ เกิดจากสาเหตุใด

อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากทางกายภาพและจิตใจ โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ระบบการนอนหลับถูกรบกวน และร่างกายไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ในวันถัดไป โดยอาการนอนไม่หลับที่พบได้บ่อยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สาเหตุหลักๆ ดังนี้

1. สาเหตุทางกายภาพ

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับสารสื่อประสาทในสมอง โดยเฉพาะเซโรโทนินและเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ ระดับจะสูงขึ้นในเวลากลางคืน การผลิตที่ผิดปกติส่งผลต่อการนอน
  • ความผิดปกติของวงจรการนอนหลับ (Circadian Rhythm) เช่น Circadian Rhythm Disorders ความผิดปกติของนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย เช่น Delayed Sleep Phase Syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายหลับหรือตื่นช้ากว่าปกติ หรือภาวะ Advanced Sleep Phase Syndrome ที่ร่างกายหลับหรือตื่นเร็วกว่าปกติ
  • โรคทางระบบประสาทต่างๆ เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคลมชัก ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและการนอนหลับ อาจทำให้การนอนไม่มีคุณภาพ
  •  นอนไม่หลับ เกิดจากปัญหาสุขภาพทั่วไป เช่น อาการปวดหลัง ไมเกรน ปวดข้อ รวมถึงโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น อาการเหล่านี้มักพบบ่อยในคนทำงานออฟฟิศและผู้สูงอายุ

2.  สาเหตุทางจิตใจ

  • อาการนอนไม่หลับ ที่เกิดจากความเครียดและความวิตกกังวล เนื่องจากความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ อยากนอนแต่นอนไม่หลับ เพราะเมื่อมีภาวะเครียดร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว แม้ว่าจะอยากนอน แต่ร่างกายยังคงตื่นตัว และไม่สามารถผ่อนคลายได้เต็มที่ นอกจากนี้ความกังวลต่างๆ ยังสามารถทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับได้ โดยเฉพาะในคนที่มักคิดมากก่อนนอน
  • อาการนอนไม่หลับ ที่เกิดจากโรคทางจิตเวช อาการนอนไม่หลับมักเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์ หรือความผิดปกติทางอารมณ์อื่นๆ ในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า โดยการทำงานของสมองและระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับอาจถูกทำลาย จึงทำให้นอนหลับยาก อยากนอนแต่นอนไม่หลับ หรือตื่นนอนบ่อยในช่วงกลางคืน

3. สาเหตุจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม

พฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่ไม่เอื้อต่อการนอนหลับ เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงเย็น การใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน เพราะแสงจากหน้าจอและสารเคมีบางชนิดสามารถรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ นอกจากนี้การทำงานเป็นกะหรือการทำงานจนดึกดื่นที่ส่งผลกระทบต่อ Circadian Rhythm รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการนอนหลับ เช่น แสงสว่างเกินไป เสียงรบกวน หรือ อุณหภูมิที่ไม่สบาย อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่โหมดการนอนได้อย่างเต็มที่ 

อาหาร เครื่องดื่ม และ สมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับ

กลไกการนอนหลับของเรานั้นประกอบไปด้วย 3 สารสำคัญ ได้แก่ ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) หากร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ได้อย่างเพียงพอ อาจส่งผลทำให้รู้สึกไม่ง่วง หรือนอนไม่หลับ สารเซโรโทนิน (Serotonin) ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินและถือเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความเครียด และความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อการนอนหลับ รวมถึง ทริปโตเฟน (Tryptophan) กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างเองได้ โดยสารทริปโตเฟนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเซโรโทนิน หากร่างกายได้รับไม่เพียงพออาจทำให้รู้สึก อยากนอนแต่นอนไม่หลับ เพราะนาฬิกาชีวภาพของร่างกายผิดปกตินั่นเอง

การเลือกบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพรที่เหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างการนอนหลับที่มีคุณภาพมากขึ้นได้ โดยอาหารบางประเภทมีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินและสารเซโรโทนินที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ อีกทั้งสมุนไพรบางชนิดยังมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้อีกด้วย

อาหารและสมุนไพรช่วยนอนหลับ แก้อาการ อยากนอนแต่นอนไม่หลับ ด้วยวิธีธรรมชาติ

1. อาหารที่ช่วยให้นอนหลับ

  • อาหารที่มีทริปโตเฟน เช่น 
    กล้วย ผลไม้ที่อุดมไปด้วยทริปโตเฟนและแมกนีเซียม รวมถึงมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยในการผลิตเมลาโทนิน แนะนำให้รับประทาน 1-2 ชั่วโมงก่อนนอน
    – นม มีทริปโตเฟนสูง รวมถึงมีแคลเซียมสูง ที่มีส่วนช่วยในการผลิตเมลาโทนิน และให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
    – โปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไข่ เนื้อไก่ และถั่วต่างๆ เป็นอาหารที่มีทริปโตเฟนและวิตามินดี เหมาะสำหรับรับประทานเป็นมื้อเย็นเบาๆ
  • อาหารที่มีแมกนีเซียม เพราะแมกนีเซียมเป็นเกลือแร่ที่ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้สมอง และลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อ ส่งผลให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น พบมากในอาหารประเภท ผักใบเขียว อัลมอนด์ โยเกิร์ต เมล็ดฟักทอง 

2. เครื่องดื่มที่ช่วยให้นอนหลับสบาย

  • ชาคาโมมายล์ ที่มีสารอะพิจีนิน (Apigenin) ช่วยลดความวิตกกังวล โดยแนะนำให้ดื่มก่อนนอน 30-60 นาที
  • ชาตะไคร้ มีฤทธิ์ช่วยคลายเครียด ผ่อนคลาย และ กลิ่นหอมยังช่วยให้สงบมากขึ้น
  • ชาเปปเปอร์มินต์ การดื่มชาเปปเปอร์มินต์ก่อนนอนจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความตึงของกล้ามเนื้อ จึงช่วยให้นอนหลับง่ายและสบายขึ้น
  • ชาขิง ในขิงมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น จึงช่วยให้ผ่อนคลายและอาการปวดศีรษะดีขึ้น การดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

3. ผักและสมุนไพรช่วยให้นอนหลับง่าย

  • เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญอย่างสารไตรเทอร์พีน (Triterpene) ช่วยลดความตึงเครียดของระบบประสาท ช่วยให้หลับลึก เมื่อตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่น 
  • กระถิน ผักที่มีสรรพคุณทางยามากมายและเป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ดแก่ของกระถิน อาจช่วยให้อาการนอนไม่หลับดีขึ้นได้
  • มะระ ผักมีรสขมและมีฤทธิ์เย็น มีส่วนช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้
  • ดอกขี้เหล็ก มีสารที่ช่วยออกฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยให้สมองผ่อนคลายความเครียด และนอนหลับง่ายขึ้น
  • รากวาเลอเรียน จัดเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย สามารถรับประทานต่อเนื่องกันได้ ในสมัยก่อนมักนิยมนำรากต้นวาเลอเรียนมาต้มหรือชงดื่ม เพื่อแก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับ โดยมีงานวิจัยที่พบว่า ผู้มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังที่รับประทานรากวาเลอเรียนวันละ 450 มิลลิกรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 14-28 วัน มีอาการดีขึ้น สามารถนอนหลับได้ง่าย ไม่ตื่นกลางดึก และไม่ง่วงซึมหลังตื่นนอน ปัจจุบันจึงนิยมนำรากวาเลอเรียน มาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออยู่ในรูปแบบชาพร้อมดื่มที่เข้มข้นอีกด้วย 

อ่านต่อ : รู้จัก วาเลอเรียน สมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับสบาย

วิธีแก้ปัญหา อยากนอนแต่นอนไม่หลับ

1. การปรับพฤติกรรมการนอน

  • กำหนดเวลานอนและตื่นให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงการงีบกลางวันนานเกิน 30 นาที
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน

2. การปรับสภาพแวดล้อม

การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม  เพื่อให้ร่างกายสามารถผ่อนคลายและเข้าสู่สภาวะการนอนหลับได้ง่ายขึ้น ควรปรับแสงในห้องให้มืดสนิท ลดแสงและเสียงรบกวน ใช้ที่นอนและหมอนที่เหมาะสมกับสรีระ รวมถึงควรทำให้ห้องเย็นสบายหรือควบคุมอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม (20-25 องศาเซลเซียส)

3. ผ่อนคลายก่อนนอน

  • การทำสมาธิแบบมายด์ฟูลเนส (Mindfulness) โดยการฝึกสมาธิมีการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก และโฟกัสความสนใจไปยังลมหายใจ
  • การใช้เทคนิคการหายใจ 4-7-8 คือ หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที และหายใจออก 8 วินาที เพื่อลดความวิตกกังวลหรือช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
  • โยคะนิทรา เป็นการฝึกสมาธิเพื่อผ่อนคลายจากภายในจิตใจ โดยร่างกายจะอยู่ในสภาวะกึ่งนอนหลับ และรู้สึกตัว ช่วยให้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายผ่อนคลาย และจิตใจสงบมากขึ้น
  • การผ่อนคลายร่างกาย เช่น การอาบน้ำอุ่น การใช้น้ำมันหอมระเหย หรือการนวดผ่อนคลาย เป็นต้น

อาการนอนไม่หลับที่ควรปรึกษาแพทย์

  • นอนไม่หลับต่อเนื่องเกิน 3 สัปดาห์
  • มีอาการง่วงระหว่างวันจนกระทบการทำงาน
  • นอนกรนรุนแรงหรือหยุดหายใจขณะหลับ
  • มีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลร่วมด้วย

การรักษาอาการนอนไม่หลับทางการแพทย์ มีวิธีใดบ้าง?

  • การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT-I)
  • การใช้ยานอนหลับภายใต้การดูแลของแพทย์
  • การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ
  • การทำการศึกษาการนอนหลับ (Sleep Study)

บทสรุป

อยากนอนแต่นอนไม่หลับ เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้าใจสาเหตุและใช้วิธีการแก้ไขที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการนอนซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งทางกายภาพและจิตใจ เบื้องต้นการแก้ไขปัญหานี้สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเลือกรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นและช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

อ้างอิง
  1. สมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย. (2023). แนวทางการวินิจฉัยและรักษาภาวะนอนไม่หลับ.
  2. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2024). คู่มือการดูแลปัญหาการนอนไม่หลับ.
  3. World Health Organization. (2023). Sleep disorders and mental health.
  4. American Academy of Sleep Medicine. (2024). Clinical Practice Guidelines for Insomnia.
  5. Journal of Sleep Research. (2023). The role of diet in sleep quality.
  6. https://webportal.bangkok.go.th/public/user_files_editor/60/drug/311/311.pdf
อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ภาวะนอนไม่หลับ

วาเลอเรียน สมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ภาวะนอนไม่หลับ

อยากนอน แต่นอนไม่หลับ

ภาวะนอนไม่หลับ

การนอนไม่หลับ ปัญหาสุขภาพวัยสูงอายุ