Search

ประโยชน์ของ โพรไบโอติก (Probiotic) ต่อระบบทางเดินอาหาร

ล้างพิษ
โพรไบโอติก ประโยชน์

ในวงการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเชื่อกันว่า การรับประทาน โพรไบโอติก (Probiotic) ถือเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถจะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงจากภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถลดปัญหาท้องผูก ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความรุนแรงของโรคเรื้อรังบางชนิด วันนี้มาเริ่มต้นทำความรู้จักกับโพรไบโอติกให้มากขึ้นกัน

โพรไบโอติก คืออะไร?

โพรไบโอติก (Probiotic) คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ในหลายระบบในร่างกาย เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น  ตัวอย่างในทางเดินอาหาร จะเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติซึ่งทนทานต่อกรดและด่าง สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ที่ไม่ดี ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง และเมื่อร่างกายมีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในประมาณที่เหมาะสมและเพียงพอจะสามารถช่วยกระตุ้นให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล เนื่องจากจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหาร การป้องกันโรค และการรักษาภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย

โพรไบโอติก มีกี่ประเภท?

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบ่งประเภทของโพรไบโอติกออกเป็น 3 ลักษณะ

1.  แลคโตบาซิลลัส  (Lactobacillus) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีในกลุ่มของโพรไบโอติกที่พบได้มากที่สุด สามารถพบได้ในอาหารธรรมชาติ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว อาหารหมักดองบางชนิด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย และเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมได้

2.  บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) หนึ่งในจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุด พบได้ในอาหารที่ทำมาจากนม ช่วยในการบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน และมีการศึกษาในหลายชนิดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป เช่น ช่วยผลิตสารตั้งต้นของภูมิต้านทานในร่างกายได้ 

3.  แซคคาโรไมซิส (Saccharomyces boulardii) เป็นยีสต์ที่พบได้ในกลุ่มของโพรไบโอติก สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร แต่เป็นชนิดที่ไม่มีอยู่ในร่างกายคนตามธรรมชาติ

โพรไบโอติก

ประโยชน์ของโพรไบโอติก (Probiotic)

1. ป้องกัน และบรรเทาอาการท้องเสีย
อาการท้องเสีย เป็นความทรมานของร่างกายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กเล็กผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาท้องเสียเรื้อรัง ในต่างประเทศมีการวิจัยวิธีแก้ปัญหานี้โดยแพทย์ได้นำเอาโพรไบโอติกในกลุ่มแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) มาใช้ป้องกันภาวะท้องเสียในเด็กขาดอาหารโดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่ ซึ่งผลลัพธ์พบว่าสามารถป้องกันได้ และยังลดระยะเวลา รวมถึงความรุนแรงของอาการท้องเสียที่เกิดจากภาวะอาหารเป็นพิษ และได้ผลดีมากในกลุ่มที่เกิดอาการท้องเสียจากเชื้อไวรัสโรต้า (Rotavirus)

2. แก้ปัญหาท้องผูก และรักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
โพรไบโอติกกลุ่มแลคโตบาซัลลัส สามารถช่วยลดภาวะอักเสบของลำไส้ โดยการปรับสภาพของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ให้กลับมาสู่ภาวะปกติทำให้เยื่อบุลำไส้หลั่งสารพิษออกมาน้อยลง นอกนี้ยังช่วยปรับลดปริมาณจุลชีพในลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุการอักเสบทำให้ช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี และสามารถลดการอักเสบซ้ำได้โดยการใช้แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม

3. เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและรักษาโรคภูมิแพ้
การที่เด็กมีโพรไบโอติกในลำไส้อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อได้ดี โดยเฉพาะป้องกันภาวะท้องเสียหรือการติดเชื้อในช่องท้อง นอกจากนี้สามารถลดการติดเชื้อในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น ปอดโดยการเพิ่มภูมิคุ้มกันทั้งในลำไส้และในกระแสเลือด และลดการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด
สำหรับเด็กที่มีอาการภูมิแพ้ หรือมีน้ำมูก ผื่นคัน หอบหืด จนกลายเป็นโรคเรื้อรัง พบได้มากพอสมควร หลายรายมีอาการรุนแรงจนต้องใช้วิธีรักษาจำเพาะหลายรูปแบบ การให้โพรไบโอติกเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยปรับสภาพภูมิคุ้มกันในร่างกายช่วยลดการอักเสบและทำให้ปัญหาภูมิแพ้ลดลง ซึ่งมีการใช้ทั้งแลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม

4. ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ มีส่วนของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการสร้างสารก่อมะเร็งหรือเป็นตัวร่วมในการก่อมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารประเภทไขมันและเนื้อสัตว์จำนวนมาก จะยิ่งทำให้เป็นการเพิ่มสารในกลุ่มไนโตรเจนและอะโรมาติคเอมีนที่เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น แต่ถ้ามีโพรไบโอติกที่ดีในลำไส้เพียงพอก็จะสามารถช่วยเปลี่ยนสภาพแบคทีเรียในลำไส้ ป้องกันไม่ให้เกิดสารพิษเหล่านี้ได้

5. ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
‘ท้องผูก’ ปัญหาสุขภาพระบบทางเดินอาหารที่นับวันคนไทยจะเป็นมากขึ้น มีการศึกษาเก็บสถิติพบว่า 24% ของคนไทยคิดว่าตัวเองมีปัญหาท้องผูก และมี 8% ที่พบปัญหาในการเบ่งอุจจาระลำบาก และอีก 3% มีปัญหาถ่ายอุจจาระได้น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ดังนั้นการได้รับโพรไบโอติก (Probiotic) อย่างเพียงพอสามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้

6. ช่วยส่งเสริมการรักษาโรคกระเพาะ
โรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เป็นกลุ่มอาการในทางเดินอาหารและกระเพาะอาหารที่พบได้บ่อย และต้องรักษาร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำว่า การใช้พรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์ร่วมกัน สามารถให้ผลทั้งในแง่ของการป้องกัน และรักษาโรคในทางเดินอาหารได้

มาเพิ่มโพรไบโอติก (Probiotic) ให้ร่างกายกันเถอะ

จำไว้ว่าการจะมีสุขภาพดีแบบครบองค์รวม จะต้องดูแลจากภายในด้วยการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ให้เป็นปกติและมีอย่างเพียงพอ พฤติกรรมใดๆ ที่ถือเป็นการรบกวน และกระตุ้นให้จุลินทรีย์ชนิดดีนี้ลดลง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะเมื่อจุลินทรีย์ลดลงจนเหลือน้อยก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้ร่างกายขาดความสมดุล และผิดปกติ รวมทั้งเสี่ยงที่จะมีได้รับเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งการรับประทานโพรไบโอติกส์ทั้งจากอาหาร หรืออาหารเสริมจึงเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการเสริมจุลินทรีย์ชนิดดีและรักษาสมดุลให้กับจุลินทรีย์ในร่างกายได้

อ้างอิง

-

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ล้างพิษ

โพรไบโอติก (Probiotic) มิตรแท้ระบบทางเดินอาหาร

ระบบย่อยอาหาร

‘โปรไบโอติกส์’ (Probiotics) จุลินทรีย์ชนิดดีกับการช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโรค

ทั้งหมด

'ท้องอืด' บรรเทาด้วย 3 สมุนไพรจากธรรมชาติ