โดยปกติการตั้งครรภ์แบบครบกำหนดจะมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 37-40 สัปดาห์ และไม่เกิน 42 สัปดาห์ แต่ปัจจุบันเด็กไทยกว่า 800,000 คนมีอัตราการ คลอดก่อนกำหนด เพิ่มมากขึ้นเฉลี่ย 8 – 10 % ต่อปี ซึ่งปัญหาเหล่านี้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของคุณแม่และคนในครอบครัวแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพของเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดอีกด้วย
การคลอดก่อนกำหนด (Preterm Labor) คือ การคลอดบุตรก่อนระยะเวลา ซึ่งหากคลอดก่อนกำหนด 6 เดือน หรืออายุครรภ์ 24 สัปดาห์จะเรียกว่า ภาวะแท้ง แต่หากคลอดก่อนกำหนด 8 เดือนหรือช่วงอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ จะเรียกว่า ภาวะคลอดก่อนกำหนด โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ ได้แก่
การคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลให้ทารกเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้สูง เนื่องจากอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายยังเจริญเติบโตได้ไม่สมบูรณ์หรือพัฒนาได้ไม่เต็มที่จนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
สาเหตุที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์คลอดก่อนกำหนดนั้นเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากตัวคุณแม่เองและความผิดปกติของทารกในครรภ์ ดังนี้
การคลอดก่อนกำหนดนั้นมีความเสี่ยงของการเสียชีวิตของทารกในครรภ์สูง รวมถึงอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ปอดของทารกทำงานได้ไม่เต็มที่ มีภาวะเลือดออกในสมองหรือลำไส้ ตับมีขนาดเล็ก มีภาวะเลือดจางและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะการคลอดกำหนด 6 เดือนหรือช่วงอายุครรภ์ 30 สัปดาห์ นอกจากนี้เมื่อคลอดแล้วจะทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย เจริญเติบโตช้า ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้มากกว่าทารกที่คลอดตามกำหนดทั่วไป
ในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือช่วง 3 เดือนแรกอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ดังนี้
การดูแลตนเองของคุณแม่ตั้งครรภ์ควรใส่ใจทั้งในด้านอาหาร สุขอนามัย และการตรวจร่างกายโดยแพทย์ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อให้คุณแม่สามารถคลอดบุตรได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
1. การฝากครรภ์
เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้ว ภายใน 3 เดือนแรกควรรีบมาฝากครรภ์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์และยืนยันอายุครรภ์ รวมถึงตรวจเลือดและโรคประจำตัวเพื่อหาความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อการตั้งครรภ์ หากเคยมีประวัติการแท้งบุตรหรือคลอดก่อนกำหนดควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
2. ตรวจปากมดลูก
เมื่อมีอายุครรภ์ได้ 18-22 สัปดาห์ ควรทำอัลตราซาวด์เพื่อตรวจว่ามีปากมดลูกสั้นหรือไม่ หากพบว่ามีปากมดลูกสั้น แพทย์จะป้องกันด้วยการให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สามารถป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้ถึง 45% หรืออาจจำเป็นต้องเย็บปากมดลูกหรือใช้ห่วงซิลิโคน (Pessary) รัดปากมดลูกเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
3. รับประทานอาหารที่มี DHA
เนื่องจาก DHA คือ สารอาหารที่มีความสำคัญต่อการสร้างผนังเซลล์ของร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Omega-3 ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้จึงต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น เช่น ปลาทูน่า หอยนางรม
เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่าง DHA ฯลฯ โดยการรับประทานอาหารที่มี DHA อย่างเพียงพอ คือ 200-500 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงครรภ์ให้พัฒนาการสมอง สายตา และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายของทารกให้แข็งแรง น้ำหนักของทารกเป็นไปตามเกณฑ์ ป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด รวมถึงช่วยลดภาวะเครียดหรือซึมเศร้าของคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดได้
4. ลดความเครียด
คุณแม่ตั้งครรภ์มักมีภาวะเครียดได้ง่ายกว่าคนปกติ เนื่องจากระดับฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ที่ส่งผลต่ออารมณ์โดยตรง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ หากมีความเครียดสูงจะกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น จนเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ จึงควรผ่อนคลายด้วยการฟังเพลง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำงานอดิเรก พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายที่ช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
5. สังเกตตนเอง
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ หากมีอาการเจ็บครรภ์เป็นพักๆ หรือท้องแข็งจากการที่มดลูกหดรัดตัว ควรลดการทำกิจกรรม นอนพักและเปลี่ยนอิริยาบถสักระยะ รวมถึงสังเกตอาการ เช่น ปวดหลังช่วงล่างหรือบริเวณเอว เจ็บท้องต่อเนื่อง (4 ครั้งใน 20 นาที) มีมูกหรือเลือดออกทางช่องคลอด รู้สึกทารกดิ้นน้อยกว่าปกติ ตัวบวมและความดันสูงขึ้น หากอาการยังไม่บรรเทาลงอาจเป็นอาการของครรภ์เป็นพิษหรืออาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
การดูแลสุขภาพของคุณแม่และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงในช่วงตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญต่อการป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ อีกทั้งการรักษาสุขอนามัย สังเกตตนเอง การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยกรดโอเมก้า-3 อย่างเช่น DHA นอกจากจะช่วยบำรุงครรภ์ให้ทารกมีพัฒนาการทางสมอง สายตา เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายทารกแล้ว ยังช่วยป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนดและช่วยลดภาวะซึมเศร้าในช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่ได้อีกด้วย
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ความรู้คลอดก่อนกำหนด
https://www.bangkokhospital.com/content/pregnancy-have-opportunity-to-preterm-labor
https://www.phyathai.com/th/article/3043 -คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้__
https://www.bcaremedicalcenter.com/Articles-detail/137
https://www.drnoithefamily.com/post/dha-and-pregnancy
https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/บทความ-แม่และเด็ก/คลอดก่อนกำหนด-กับปัญหาระบบทางเดินหายใจ