หากพูดถึงอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย เชื่อว่า หัวใจ ปอด สมอง มักเป็นอวัยวะลำดับต้นๆที่หลายคนนึกถึง แต่ทราบหรือไม่ว่า ‘ตับ’ ก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่มีหน้าที่สำคัญหลายประการต่อร่างกาย แต่กลับเป็นอวัยวะที่ขาดการดูแล และถูกละเลยมากที่สุด
ตับ เปรียบได้เหมือน หัวใจดวงที่ 2 ของร่างกาย เพราะเป็นอวัยวะที่ใหญ่และมีความสำคัญอันดับต้นๆ มีหน้าที่ในการเปลี่ยนสารอาหารต่างๆ ที่เราได้รับเข้าไปให้อยู่ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ผลิตน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน สร้างโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของทุกระบบในร่างกาย อีกทั้งตับยังมีหน้าที่ช่วยล้างพิษ กรองของเสียต่างๆ และขับของเสียออกจากร่างกาย
ตับเป็นอวัยวะที่มีความสามารถในการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองได้ดี เพราะเมื่อเกิดบาดแผลหรือความเสียหายจะซ่อมแซมตัวเอง โดยการสร้างเซลล์ใหม่เพื่อทดแทนเซลล์เดิมที่ถูกทำลายไป และแม้ตับจะถูกทำลายไปกว่า 70% ก็ยังสามารถงอกใหม่ได้ภายใน 2 สัปดาห์
ถึงแม้ตับจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่สามารถทำให้ตับของเราป่วยได้ หากไม่รู้จักดูแลและป้องกัน เช่น รับประทานอาหารที่มีไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมไขมันที่ตับ จนเกิดการ อักเสบ ทำให้ตับเสื่อมสภาพ รวมไปถึงแอลกอฮอล์หรือยาบางชนิด หากรับประทานมากเกินไป ตับจะทำงานหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองและคัดกรองสารพิษออกไปได้หมด
นอกจากนี้ผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อยหรือขาดการออกกำลังกาย และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคตับได้ โดยโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของตับที่พบได้บ่อยก็คือ โรคมะเร็งตับ ซึ่งโรคนี้จากสถิติถือเป็นมะเร็งอันดับ 1 ในผู้ชายไทย และนอกจากนี้โรคตับแข็ง ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีคนเป็นกันจำนวนมาก
ดังนั้นการดูแลตับจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะหากตับป่วยหรือเกิดปัญหาจะส่งผลกระทบต่อหลายระบบของร่างกาย ซึ่งการดูแลตับเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคตับ เช่น ตับอักเสบเฉียบพลัน ตับอักเสบเรื้อรังและโรคตับแข็ง เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำร้ายเซลล์ของตับ กระตุ้นให้มีไขมันสะสมในตับ จนเกิดการอักเสบ และเกิดพังผืดส่งผลให้เกิดตับแข็ง การทำงานของตับลดลง ตับวาย และนำไปสู่มะเร็งตับได้ในที่สุด
2 . งดการสูบบุหรี่
บุหรี่ไม่ได้ทำลายเพียงแค่ปอด แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อตับอีกด้วย ในผู้ที่สูบบุหรี่ประจำทุกวัน ตับต้องทำงานหนักเพื่อกรองสารพิษอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตับอ่อนแอและเกิดปัญหาตามมาได้ง่าย
3 . ไม่รับประทานยาเกินความจำเป็น
เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ในการกำจัดยาออกจากร่างกาย ซึ่งหากร่างกายได้รับยาบางชนิดในปริมาณสูง หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน ตับก็จะไม่สามารถทำลายได้ทัน เหลือเป็นส่วนเกินและมีฤทธิ์ทำลายเนื้อตับ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตับจนกลายเป็นภาวะตับวายได้
4 . ควบคุมน้ำหนักตัว
การมีน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานนั้นไม่ได้ส่งผลต่อรูปร่างเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลเสียต่อตับด้วย เพราะถ้าคุณมีไขมันในร่างกายมากเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไขมันพอกตับได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน แป้ง และน้ำตาล ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไป
5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เพียงพอและเป็นเวลา จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้เลือดไปซ่อมแซมและบำรุงตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีผลการศึกษา พบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะไขมันเกาะตับ (Non Alcoholic Fatty Live Disease; NAFLD) ถึง 1.2 เท่า
6. เสริมด้วยสารอาหารบำรุงตับ
นอกจากวิธีการดูแลตัวเองเพื่อสุขภาพตับที่ดีแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดูแลตับด้วยการเสริม อาหารบำรุงตับ ในปริมาณที่เพียงพอ โดยสารอาหารที่ได้รับการยอมรับว่าดีต่อตับ และช่วยบำรุงตับ ได้แก่
เพราะ ‘ตับ’ เป็นอวัยวะที่มีเพียงชิ้นเดียวในร่างกาย และมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นอย่าปล่อยให้ ‘ตับป่วย’ รีบดูแลและป้องกันตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค อย่ารอให้สายเกินแก้ ด้วยความห่วงใยจาก… Mega Wecare
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ (https://shorturl.asia/IVGrs)
โรงพยาบาลเปาโล (https://shorturl.asia/S5Dup)
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (https://shorturl.asia/iWdKz)
ผศ. นพ. มล.ทยา กิติยากร สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (https://shorturl.asia/BVWG0)