ในยุคที่การแข่งขันสูงและภาระงานหนักหน่วง วิตามินรวม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนวัยทำงานที่ในแต่ละวันต้องใช้พลังกายและพลังสมองมาก ที่อาจยาวนานถึง 10-15 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ความเครียดสะสมจากการทำงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนวัยทำงาน เผชิญกับปัญหาสุขภาพได้ง่าย และ แทบไม่ต่างจากผู้สูงอายุเลยทีเดียว
จากการสำรวจพบว่า คนวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 15-59 ปีขึ้นไป มีพฤติกรรมสุขภาพด้านการบริโภคอาหารที่ดีน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ ได้แก่ การดื่มเครื่องดื่มรสหวาน การรับประทานอาหารรสเค็มจัด และ รับประทานผักน้อยกว่า 5 ทัพพีต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากความรีบเร่งในชีวิตประจําวัน รวมทั้งการมีกิจกรรมทางกายไม่เหมาะสม พักผ่อนน้อย มีความเครียดสะสม และไม่มีเวลาดูแลสุขภาพของตนเองเท่าที่ควร จึงทำให้คนวัยทำงานนั้น มีปัญหาสุขภาพที่ตามมาหลายประการ เช่น
จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยเหล่านี้ อาจนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ กลุ่มโรค NCDs เมื่อมีอายุมากขึ้น ตลอดจนเกิดภาวะทุพโภชนาการ จากการรับประทานอาหารที่ไม่หลากหลาย และ ขาดสารอาหาร หรือ วิตามินบางชนิด หากสังเกตตนเองแล้ว พบว่ามีปัญหาสุขภาพเหล่านี้อยู่เป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า จำเป็นต้องเริ่มดูแลสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันที่สังคมเร่งรีบและมีเวลาในการดูแลสุขภาพลดลง แต่เราสามารถเริ่มปรับพฤติกรรมสุขภาพได้ง่ายๆ ดังนี้
1. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายๆ แม้มีพื้นที่จำกัด โดยสามารถออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นหนักปานกลาง (Moderate intensity) อย่างน้อย 30-45 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 5-7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน มีประโยชน์ต่อการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายและช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นอีกด้วย
2.พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดลดการทำงานหนักลง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย รวมถึงช่วยให้สมองเรียบเรียงข้อมูล เกิดการจดจำ และมีพัฒนาการได้ตามลำดับอย่างมีประสิทธิภาพ โดยระยะเวลาในการนอนหลับที่เหมาะสมทั่วไปของคนวัยทำงานเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 7 – 9 ชั่วโมงต่อวัน
3. ผ่อนคลายความเครียด
สภาพแวดล้อมในการทำงานนั้น สามารถส่งผลให้เกิดสภาวะตึงเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กร ความกังวลในด้านประสิทธิภาพในการทำงาน (Performance anxiety) หรือ บรรยากาศภายในสถานที่ทำงาน อาจทำให้คนวัยทำงานส่วนใหญ่เผชิญกับระดับความเครียดที่สูงขึ้น และส่งผลต่อความรู้สึกได้เช่นกัน การผ่อนคลายความเครียดอย่างการออกกำลังกายเป็นประจำ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การจัดสรรเวลาพักระหว่างวัน ตลอดจนการทำงานอดิเรกที่ชอบในช่วงเวลาหลังเลิกงาน จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และลดภาวะอ่อนเพลียในวันถัดไปได้
4. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
พลังงานที่ต้องการต่อวันของคนวัยทำงาน แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1,600 2,000 และ 2,400 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย เน้นที่ผักใบเขียว ผลไม้ แป้งไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ย่อยง่าย และไขมันคุณภาพดี เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของคนวัยทำงานยุคใหม่ที่มีความเร่งรีบ จึงอาจทำให้การดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นอาจทำให้การย่อยและการดูดซึมวิตามินโดยธรรมชาติลดลง จึงสามารถเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างวิตามินรวม เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนได้
จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวมา การมองหาตัวช่วยในการดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น วิตามินรวมจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนวัยทำงาน ที่อาจไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเติมเต็มสารอาหารที่ร่างกายอาจขาดไป และสนับสนุนการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้เป็นปกติ
วิตามินรวม ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนวัยทำงาน ควรมีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
1. วิตามินรวม ควรรับประทานตอนไหน?
2. วิตามินรวม สามารถทดแทนอาหารได้หรือไม่?
3. คนวัยทำงาน ควรรับประทานวิตามินรวมทุกวันหรือไม่?
4. การรับประทานวิตามินรวม มีผลข้างเคียงหรือไม่?
วิตามินรวม จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนวัยทำงานที่มีเวลาจำกัดในการดูแลสุขภาพ แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และ ควรรับประทานวิตามินรวม ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ