มึนหัว บ้านหมุน อาการที่ไม่ควรมองข้าม

บ้านหมุนวิงเวียน
อาการมึนหัวบ้านหมุน

อาการเวียนหัว หรือวิงเวียนศีรษะ ถือเป็นหนึ่งปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย และสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่หากจะพูดถึงอาการเวียนหัวที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตคงหนีไม่พ้นอาการ “มึนหัว บ้านหมุน” ที่มาพร้อมกับปัญหาเรื่องการทรงตัว ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และซ้ำร้ายกว่านั้นอาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายบางอย่างด้วยเช่นกัน

อาการมึนหัว บ้านหมุน (Vertigo) คืออะไร ?

มึนหัว บ้านหมุน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Vertigo เป็นอาการที่รู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือสิ่งของที่มองเห็นหมุนไปหมด รู้สึกทรงตัวไม่ค่อยอยู่ มึนงง สมองตื้อ ทรงตัวลำบาก และในบางรายอาจมีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะเปลี่ยนท่า หรือเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว เช่น ลุกจากที่นอน หรือก้มลงหยิบของ เป็นต้น ซึ่งอาการบ้านหมุนไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และหากมีอาการเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งอาจต้องทบทวนถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเพื่อเฝ้าระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมา

อาการมึนหัวบ้านหมุน

สาเหตุของอาการ มึนหัว บ้านหมุน (Vertigo)


สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุน มักมาจากความผิดปกติของบริเวณหูชั้นใน โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  1. โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo: BPPV) เป็นโรคที่พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากหูชั้นในเสื่อม อาการบ้านหมุนที่เกิดขึ้นด้วยโรคนี้จะเกิดขึ้นทันทีที่มีการเปลี่ยนทิศทางของศีรษะตามอิริยาบถ เช่น ล้มตัวลงนอน ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเงยหน้าขึ้นหลังจากก้มลงหยิบของ ซึ่งจะเป็นเช่นนี้เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แล้วหายได้เอง
  2. โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคมีเนีย (Meniere’s disease) เป็นโรคที่มีความผิดปกติของหูชั้นในโดยเกิดจากน้ำในหูชั้นในที่ช่วยในเรื่องของการทรงตัวมีมากผิดปกติ ก่อให้เกิดอาการหูอื้อ มีอาการเวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ได้ และคลื่นไส้ อาเจียน โดยจะเกิดขึ้นครั้งละประมาณ 30-60 นาที ซึ่งผู้ที่มีอาการเวียนหัวบ้านหมุน 50% มีสาเหตุมาจากโรคน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้เกิดอาการเวียนหัวอย่างรุนแรง
  3. เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ (Vertebro-basilar insufficiency: VBI) ซึ่งอาจจะอันตรายจนถึงขั้นเกิดภาวะสมองขาดเลือด โดยทั่วไปเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดแดงในสมอง ภาวะสมองขาดเลือดมักเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งถ้ามีประวัติร่วมกับการมีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคเบาหวาน และมีอาการร่วมกับกล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก มุมปากตก พูดไม่ชัด เป็นต้น นอกจากสาเหตุหลักที่กล่าวไปแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยของอาการบ้านหมุนอีก เช่น การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย มีความเครียดและความวิตกกังวลสูง รวมทั้งการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนเป็นประจำ โดยหากมีอาการบ้านหมุนในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยสามารถรักษาและบรรเทาอาการบ้านหมุนเบื้องต้นได้ด้วย 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้
  • เมื่อเริ่มมีอาการให้ขยับตัวช้า ๆ และนั่งพักในท่าตัวตรง
  • เมื่อมีอาการมาก ๆ ให้นอนบนพื้นราบหยุดเคลื่อนไหวร่างกาย และเมื่อ อาการดีขึ้น จึงลุกขึ้นช้าๆ
  • ขณะเกิดอาการอย่าฝืนเดินต่อ เพราะเสี่ยงกับการหกล้ม
  • เมื่ออาการดีขึ้นจึงกลับสู่ท่านั่งตัวตรงตามเดิม
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อาการแย่ลง เช่น การหัน ก้ม หรือเงยหน้า

    แม้ว่าอาการบ้านหมุนจะสามารถบรรเทาอาการได้ในเบื้องต้น แต่ใช่ว่าอาการของโรคจะหายไปเลย เพราะหากมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงก็มีโอกาสวนกลับมาเป็นได้ตลอดเวลา ดังนั้นจะดีกว่าไหม ? ถ้าเรารู้จักวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของอาการบ้านหมุนที่อาจเกิดขึ้นได้

วิธีป้องกันและลดความถี่อาการมึนหัว บ้านหมุน (Vertigo)

  1. งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
  2. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงระบบประสาททรงตัว
  4. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็มมากเกินไป เพราะหากร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมาก จะทำให้เกิดภาวะบวมคั่งของของเหลวในหูชั้นในที่เกี่ยวข้องกับระบบการทรงตัวและการได้ยิน ส่งผลให้อาการบ้านหมุนแย่ลง
  5. นอนยกศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยการใช้หมอนรองศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ
  6. บริหารร่างกายแก้อาการบ้านหมุน โดยให้นั่งบนเตียงแล้ว ค่อยๆ โยกตัวให้หูข้างซ้ายแตะกับเตียงนอน นับ 1-20 แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง หลังจากนั้นโยกตัวให้หูข้างขวาแตะกับเตียงนอน นับ 1-20 แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง สลับข้างไปมาจนครบ 10 ครั้ง (แนะนำให้ทำตอนเช้า 10 ครั้ง และตอนเย็นอีก 10 ครั้ง)
  7. งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
  8. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  9. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงระบบประสาททรงตัว
  10. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็มมากเกินไป เพราะหากร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมาก จะทำให้เกิดภาวะบวมคั่งของของเหลวในหูชั้นในที่เกี่ยวข้องกับระบบการทรงตัวและการได้ยิน ส่งผลให้อาการบ้านหมุนแย่ลง
  11. นอนยกศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยการใช้หมอนรองศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ
  12. บริหารร่างกายแก้อาการบ้านหมุน โดยให้นั่งบนเตียงแล้ว ค่อยๆ โยกตัวให้หูข้างซ้ายแตะกับเตียงนอน นับ 1-20 แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง หลังจากนั้นโยกตัวให้หูข้างขวาแตะกับเตียงนอน นับ 1-20 แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง สลับข้างไปมาจนครบ 10 ครั้ง (แนะนำให้ทำตอนเช้า 10 ครั้ง และตอนเย็นอีก 10 ครั้ง)
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเบื้องต้นที่ทุกคนควรทำเพื่อป้องกันและลดความถี่ในการเกิดอาการบ้านหมุนแล้ว การเสริมด้วยสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดอย่าง “สารสกัดใบแปะก๊วย” ก็สามารถป้องกันและบรรเทาอาการเวียนหัวบ้านหมุนให้ดีขึ้นได้ 

ใบแปะก๊วย (Gingko) ทางออกของผู้มีปัญหา มึนหัว บ้านหมุน คลื่นไส้

กิงโกะ (Gingko) หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “แปะก๊วย” อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำที่ดี และช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ในแปะก๊วยมีสารสำคัญฟลาโวน ไกลโคไซด์ (Flavone Glycoside) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์สมองไม่ให้ถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีเทอร์ปีน แลคโตน (Terpene Lactone) ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ป้องกันการจับตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้นด้วย ดังนั้น จึงมีการนำ “สารสกัดกิงโกะ” มาใช้เป็นทางเลือกในการบรรเทาอาการ “เวียนหัว บ้านหมุน” กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียงในระยะยาว เมื่อเทียบการใช้ยาแผนปัจจุบัน

แต่อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกว่าอาการบ้านหมุนที่เจอทำให้คุณภาพชีวิตลดลงและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตควรรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนที่โรคจะลุกลามและอันตรายมากขึ้น ด้วยความห่วงใยจาก….MEGA We care

อ้างอิง

-

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ภาวะนอนไม่หลับ

วาเลอเรียน สมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ภาวะนอนไม่หลับ

อยากนอน แต่นอนไม่หลับ

ภาวะนอนไม่หลับ

การนอนไม่หลับ ปัญหาสุขภาพวัยสูงอายุ