ตาล้า ปวดกระบอกตา ดูแลด้วย ลูทีนและแอสตาแซนธิน

ทั้งหมด
ตาล้า ปวดกระบอกตา


ตาล้า ปวดกระบอกตา ปัญหาสุขภาพดวงตาของคนไทยยุคนี้ จากสถิติล่าสุดคนไทยใช้อินเตอร์เน็ต 8.44 ชั่วโมงต่อวัน สูงติดอันดับ Top10 ของโลก นั่นหมายความว่าคนไทยใช้สายตาอย่างหนักหน่วงจากการจ้องหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้สายตาจ้องต่อเนื่องเป็นเวลานานอย่างเช่น เล่นเกม ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง

เรียกได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้สายตาอย่างหนักจนเป็นความเคยชิน โดยพฤติกรรมดังกล่าวนี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพดวงตาของเรา และนี่คือสาเหตุใหญ่ที่อาจก่อให้เกิดปัญหา "ตาล้า" โดยไม่รู้ตัว

ตาล้า ปวดกระบอกตา เกิดจากอะไร ?

ตาล้า (Asthenopia) เป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพของดวงตาที่ผิดปกติไปทำให้เกิดอาการปวดตา ปวดหัว ซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้สายตาอย่างหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เช่น ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ใส่คอนแท็คเลนส์ ลมเข้าตา แสงที่หน้าจอแสดงผลมาก/น้อยจนเกินไป ตัวอักษรในการมองเล็กจนเกินไป อ่านหนังสือนานจนเกินไป เป็นต้น อ่านต่อเพิ่มเติม : มารู้จักกับโรคตาล้า (Asthenopia) ให้ดียิ่งขึ้น

Check List พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงตาล้า ปวดกระบอกตา

  • จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอต่างๆ เป็นเวลานาน
  • อ่านหนังสือนานจนเกินไป
  • สัมผัสแสงหรือที่สว่างมากๆ
  • ใช้สายตาในที่มีแสงน้อย

ปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ เพื่อป้องกันอาการ ตาล้า ปวดกระบอกตา

  • ลดการเพ่งจ้อง หรือใช้สายตาจากจอต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ มือถือ คอมพิวเตอร์ แทบเล็ต เป็นต้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอจะส่งให้เราต้องใช้สายตาอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ดวงตาอ่อนล้า
  • บริหารดวงตา ด้วยการกรอกตาไปมาซ้ายไปขวา และเปลี่ยนมากรอกตาจากบนลงล่าง โดยสามารถทำต่อเนื่องกัน 5-10 ครั้งสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนสายตาอย่างสม่ำเสมอ ตามกฎ 20-20-20 คือ พักสายตาทุก 20 นาที โดยมองออกไปไกล 20 เมตรเป็นเวลา 20 วินาที
  • ใช้ยาหยอดตา เพื่อลดอาการตาแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
  • ควรสวมแว่นกันแดด หรือสวมหมวกทุกครั้งเมื่อออกแดดจ้า
  • งดสูบบุหรี่ สารพิษในควันบุหรี่เข้ามาทางเส้นเลือดที่มาเลี้ยงลูกตา เมื่อดวงตาได้รับสารพิษจากควันบุหรี่นานๆ เข้า ก็ทำให้การมองเห็นลดลงจนเกิดอาการตาบอดได้
  • หมั่นตรวจเช็กสายตากับแพทย์ปีละ 1 ครั้ง
  • รับประทานอาหารที่ให้สารอาหารที่ช่วยดูแลดวงตา

สารอาหารบำรุงดวงตา ลดอาการตาล้า ปวดกระบอกตา

อย่างที่ทราบว่ามีสารอาหารมากมายในธรรมชาติที่สามารถดูแลและป้องกันดวงตาจากอาการตาล้า ที่สำคัญเป็นสารอาหารที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกให้การยอมรับ เนื่องจากมีผลการวิจัยที่ชัดเจน อันประกอบไปด้วย

  1. ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) โดยปกติร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์ลูทีนและซีแซนทีนขึ้นมาใช้เองได้ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น จากการศึกษาพบว่าลูทีนและซีแซนทีนมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพของดวงตา ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มคาโรทีนอยด์พบได้ในบริเวณดวงตา โดยเฉพาะตรงบริเวณเลนส์ตาและจอรับภาพตา จากผลการศึกษาพบว่า การรับประทาน ลูทีน 10 มิลลิกรัมร่วมกับ ซีแซนทีน 2 มิลลิกรัม มีส่วนช่วยลดอาการตาล้าและลดการปวดกระบอกตา ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น ลูทีนและซีแซนทีนยังทำหน้าที่สำคัญคือ ช่วยกรองแสงสีฟ้าหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งลูทีนและซีแซนทีนพบได้ในผักใบเขียว เช่น ผักปวยเล้ง บร็อคโคลี่ ผักคะน้า และผลไม้อย่างเช่น กีวี่ องุ่น ส้ม เป็นต้น
  2. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของสารแอสต้าแซนธิน พบว่าการรับประทานแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) วันละ 6 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลานาน 4 สัปดาห์ ช่วยลดอาการตาล้า ตาแห้ง ลดอาการปวดกระบอกตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแอสตาแซนธินจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อตา เพิ่มการไหลเวียนของเลือดเพื่อไปเลี้ยงกล้ามเนื้อตาได้ดีขึ้น และช่วยลดการอักเสบของของกล้ามเนื้อตาได้อีกด้วย นอกจากนี้แอสตาแซนธินยังมีคุณสมบัติในการปรับกล้ามเนื้อเลนส์ตาทำให้การมองเห็นภาพชัดเจนขึ้น ลดการมองเห็นภาพซ้อนได้ แอสตาแซนธินยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี สามารถช่วยในการป้องกันการเสื่อมของดวงตาที่แม้อาจจะมีอาการมาแล้วก็จะชะลอความเสื่อมของดวงตาหรือหยุดความเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลองตรวจสอบตัวเองดูว่า คุณเคยมีอาการตามนี้หรือเปล่า ถ้าใช่คุณอาจกำลังเผชิญกับอาการตาล้านั้นเอง ซึ่งอาการเหล่านี้หากปล่อยทิ้งไว้นาน ก็อาจกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้ หากละเลยไม่ยอมดูแลสุขภาพดวงตา อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเป็นโรค เพราะดวงตาไม่มีอะไหล่เปลี่ยน เราไม่อาจทราบได้เลยว่าดวงตาของเราจะเสื่อมสภาพวันไหน อย่าดูแลสุขภาพดวงตาของคุณ เพราะดวงดวงตาคือหน้าตาของหัวใจ … ด้วยความห่วยใยจาก Mega We Care

อ้างอิง

1. Stringham, J. M., Stringham, N. T., & O’Brien, K. J. (2017). Macular carotenoid supplementation improves visual performance, sleep quality, and adverse physical symptoms in those with high screen time exposure. Foods, 6(7), 47.

2. Yamashita, E. (2009). Eye fatigue (asthenopia) relief by astaxanthin. Anti-Aging Therap, 11, 361-379.

อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ตาแห้ง ตาล้า (CVS)

โรคตา 4 โรคที่คนทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ต้องระวัง!

ตาแห้ง ตาล้า (CVS)

ตาล้า ปวดกระบอกตา … ดูแลด้วย ลูทีนและแอสตาแซนธิน

จอประสาทตาเสื่อม

ตาแห้ง ตาล้า จอประสาทตาเสื่อม 3 ภัยสุขภาพดวงตาของคนไทยยุคนี้