ภาวะ ‘มีบุตรยาก’ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคู่สมรสจำนวนมาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้ อาจทำให้คนที่อยากมีบุตรเกิดความทุกข์ใจและส่งผลกระทบต่อการวางแผนครอบครัวได้เลยทีเดียว โดยองค์การอนามัยโลกมีรายงานว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ประมาณ 17.5% หรือ คิดเป็น 1 ใน 6 ของโลก ประสบกับปัญหานี้ โดยสาเหตุนั้นเกิดได้จากปัจจัยหลายประการ ทั้งจากฝ่ายชายและฝ่ายหญิง รวมถึงปัจจัยด้านอาหารและโภชนาการที่มีผลต่อความสมบูรณ์ของระบบสืบพันธุ์
สำหรับคู่สมรสที่กำลังประสบปัญหามีบุตรยากและอยากเริ่มต้นการตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ ลองมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดูแลโภชนาการ และสารอาหารที่สำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น
สาเหตุของการ มีบุตรยาก เกิดจากอะไร? มีบุตรยาก (Infertility) คือ ภาวะที่คู่สมรสพยายามมีบุตรเป็นเวลานานกว่า 12 เดือน โดยไม่ได้ทำการคุมกำเนิดใดๆ แต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ และในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ที่พยายามมีบุตรมานานกว่า 6 เดือน อาจเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุของการมีบุตรยากนั้น อาจเกิดจากฝ่ายชายประมาณ 40% เกิดจากปัญหาของฝ่ายหญิงประมาณ 40%
สาเหตุของการมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ความผิดปกติในการสร้างอสุจิ เช่น ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ทำให้สร้างอสุจิได้น้อยหรือสร้างไม่ได้เลย
ความไม่สมบูรณ์ของอสุจิ เช่น การเคลื่อนไหวหรือรูปร่างที่ผิดปกติของอสุจิ
การใช้ยาบางชนิด หรือ มีโรคประจำตัว
พฤติกรรมการสูบบุหรี่จัดและดื่มแอลกอฮอล์หนัก
อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 35 – 40 ปีขึ้นไป สาเหตุของการมีบุตรยากจากฝ่ายหญิง ประจำเดือนผิดปกติ หรือ ความผิดปกติของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการตกไข่
ความผิดปกติของท่อนำไข่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานผิดปกติแต่กำเนิด หรือ เคยมีประวัติแท้งบุตร หรือ ท้องนอกมดลูก
โรคประจำตัว เช่น มีภาวะอ้วนหรือผอมมากเกินไป โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 30 – 40 ปี ขึ้นไป อาจทำให้ความสามารถในการมีบุตรลดลง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์เพื่อให้กำเนิดบุตร ถือเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ ทั้งระบบสืบพันธุ์ของฝ่ายชายและหญิง ซึ่งอสุจิในผู้ชายจะต้องมีทั้งความแข็งแรงและมีปริมาณมากพอ เมื่อหลั่งเข้าไปในช่องคลอด รวมทั้งในผู้หญิงจะต้องปล่อยไข่ที่สมบูรณ์ออกมาจากรังไข่และท่อรังไข่จะต้องไม่ตีบตัน เพื่อให้อสุจิเดินทางเข้าไปปฏิสนธิก่อนที่จะฝังตัวอ่อนให้เจริญเติบโตในผนังมดลูกได้ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะต้องทำงานผสานกันอย่างสมบูรณ์ หากมีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งผิดปกติไป ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้
ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสมีบุตรให้มากขึ้น ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก นอกจากจะต้องดูแลสุขภาพให้มากขึ้นแล้ว ยังควรให้ความสำคัญกับโภชนาการ เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จะช่วยส่งเสริมให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
สารอาหารบำรุงร่างกาย สำหรับคนมีบุตรยาก สำหรับคู่สมรสที่อยากตั้งครรภ์ตามธรรมชาติและมองหาวิธีแก้ไขภาวะมีบุตรยากนั้น ในเบื้องต้นสามารถปรับโภชนาการเพื่อช่วยให้การเจริญพันธุ์เป็นไปอย่างปกติ โดยสารอาหารที่แนะนำสำหรับผู้ชายและผู้หญิง มีดังนี้
สารอาหารและวิตามินบำรุงร่างกาย สำหรับผู้ชายมีบุตรยาก Coenzyme Q10 โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) หรือ ที่เรียกกันทั่วไปว่า Co Q10 หลายคนรู้จักแร่ธาตุชนิดนี้ในแง่ของการบำรุงผิว ชะลอวัย หรือ ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ ประโยชน์ของ Coenzyme Q10 นั้น ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของอสุจิได้อีกด้วย จากงานวิจัยพบว่า การได้รับ Coenzyme Q10 ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกัน 26 สัปดาห์ ช่วยปรับปรุงการเคลื่อนไหวของอสุจิ และเพิ่มความหนาแน่นของอสุจิในน้ำอสุจิได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก Coenzyme Q10 นั้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องและชะลอการเสื่อมของเซลล์ จึงมีบทบาทในการลดปริมาณของสารอนุมูลอิสระ ROS (Reactive oxygen species) ที่เป็นปัจจัยหลักที่คอยขัดขวางการสร้างอสุจิและนำไปสู่ปัญหาการมีบุตรยาก นอกจากนี้ Coenzyme Q10 ยังมีความสำคัญในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ จึงมีผลต่อการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของอสุจิได้อีกด้วย
ZMA ZMA (Zinc Magnesium Aspartate) เป็นกลุ่มสารอาหารที่ประกอบไปด้วย แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) แมกนีเซียม (Magnesium) และ วิตามินบี 6 (Vitamin B6) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ชายที่ออกกำลังกาย ซึ่งนอกจาก ZMA จะมีงานวิจัยเกี่ยวกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มปริมาณเทสโทสเทอโรนแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณและปรับปรุงคุณภาพของอสุจิ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนอสุจิ การรักษาสภาพ และปกป้องไม่ให้อสุจิถูกทำลาย จึงช่วยลดอัตราการตายของเซลล์อสุจิได้และเพิ่มโอกาสการมีบุตรได้มากขึ้น
L-Arginine แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่สำคัญต่อการผลิตโปรตีนของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเสริมสร้างการเจริญเติบโต รวมถึงช่วยเพิ่มโมเลกุลส่ง Nitric oxide ที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและเป็นปัจจัยที่ทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว ซึ่งสารชนิดนี้จะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ดังนั้นการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแอล-อาร์จินีน (L-Arginine) จึงช่วยส่งเสริมการมีบุตรได้ โดยมีการศึกษาพบว่า การได้รับแอล-อาร์จินีน (L-Arginine) ในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน สามารถช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิ การเคลื่อนไหว และปริมาตรน้ำอสุจิในผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยากได้อย่างมีนัยสำคัญสารอาหารและวิตามินบำรุงร่างกาย สำหรับผู้หญิงมีบุตรยาก Coenzyme Q10 โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) นอกจากจะช่วยเพิ่มคุณภาพของอสุจิในเพศชายแล้ว ยังมีความสำคัญต่อการเพิ่มโอกาสมีบุตรในเพศหญิงด้วยเช่นกัน โดยโคเอนไซม์คิวเท็นนั้น มีบทบาทสำคัญด้านการเพิ่มพลังงานและเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ไข่ รวมถึงทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ขัดขวางการทำงานของสารอนุมูลอิสระ ROS ที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดความเครียดของเซลล์ไข่ นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า การได้รับโคเอนไซม์คิวเท็นในรูปแบบรับประทาน 600 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 60 วัน ในคลินิกสำหรับผู้มีบุตรยาก พบว่ามีอัตราการปฏิสนธิสูงขึ้น สามารถเก็บเซลล์ไข่ได้มากกว่าและมีตัวอ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น
Vitamin E วิตามินอี (Vitamin E) เป็นอีกหนึ่งวิตามินที่มีประโยชน์ในการส่งเสริมการตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่มีบุตรยาก โดยวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของไข่ ช่วยป้องกันการปฏิสนธิล้มเหลว ช่วยลดความเครียดของเซลล์ไข่ ทำให้วงจรการตกไข่เป็นไปได้อย่างปกติ อีกทั้งยังป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อนล้มเหลวและการแท้งบุตรได้ โดยปริมาณแนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีภาวะมีบุตรยากอยู่ที่ประมาณ 400 IU ต่อวันเคล็ดลับสำหรับคน ‘อยากมีบุตร’ วางแผนตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุไม่เกิน 35 ปี เพื่อลดความเสี่ยงการมีบุตรยาก
ออกกำลังกายเป็นประจำและ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
คำนวณวันไข่ตก โดยทำการจดบันทึกวันที่ประจำเดือนมาของทุกเดือนตลอดระยะเวลา 8-12 เดือน แล้วนำมาคำนวณหาวันไข่ตก เช่น ความยาวรอบเดือน-ระยะที่ไข่ตก เช่น 30 วัน – 14 วัน = วันไข่ตกคือวันที่ 16 ของความยาวรอบเดือน ซึ่งสามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงก่อนวันตกไข่ และหลังวันตกไข่ประมาณ 2 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการปฏิสนธิมากขึ้น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดีและกรดอะมิโนจำเป็น เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว ปลาทะเล ผลไม้และถั่วต่างๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เพิ่มการรับประทานสารอาหารและวิตามินบำรุงร่างกาย นอกจากได้รับจากแหล่งอาหารธรรมชาติแล้ว สามารถเลือกรับประทานสารอาหารและวิตามินจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ว่าจะเป็น โคเอ็นไซม์คิวเท็น วิตามินอี แอล-อาร์จินีน หรือ สารอาหารกลุ่ม ZMA เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ หากไม่แน่ใจว่าควรรับประทานอะไรดี สามารถปรึกษาหรือสอบถามปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมจากแพทย์หรือเภสัชกร ภาวะมีบุตรยาก ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่สร้างความกัดดันให้กับคู่สมรสหลายครอบครัว ซึ่งในบางคู่อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ การดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างเหมาะสม การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และ การได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน จะสามารถเพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้ นอกจากนี้การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีความอดทนและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น จะช่วยให้การมีบุตรเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความหวังยิ่งขึ้น