การรับประทานวิตามินซี (Vitamin C) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็ก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการปกป้องร่างกายและต้านทานเชื้อโรคตามธรรมชาติ เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยได้ โดยวิตามินซีเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น การรับประทาน วิตามินซีเด็ก อย่างเพียงพอจะช่วยให้เด็กไม่ป่วยง่ายและเจริญเติบโตได้อย่างสมวัย
วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid) เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Antioxidant) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น การรับประทานวิตามินซีเป็นประจำยังช่วยลดระยะเวลาที่ป่วยเป็นไข้หวัดในเด็กได้ถึง 14% รวมถึงช่วยป้องกันโรคหวัดและเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย นอกจากนี้วิตามินซียังมีประโยชน์ต่อเด็กอีกหลายประการ ได้แก่
การได้รับวิตามินซี (Vitamin C) อย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะพร่องวิตามินซี (Ascorbic acid deficiency) รวมถึงช่วยเสริมภูมิต้านทานเพื่อป้องกันโรคหวัดและอาการภูมิแพ้ในเด็กได้ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันสามารถแบ่งออกตามช่วงวัย ดังนี้
นอกจากนี้ เด็กทารกสามารถได้รับวิตามินซีผ่านน้ำนมแม่ ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอหรือประมาณ 90-100 mg. ต่อวัน หากต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์วิตามินซีไม่ว่าจะเป็น วิตามินซีแบบเม็ด วิตามินซีแบบชง หรือวิตามินซีเม็ดฟู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
อ่านต่อเพิ่มเติม : วิตามินซี แบบเม็ด แบบชง หรือแบบขวดแช่ เลือกกินแบบไหนดีกว่ากัน?
เนื่องจากอาหารที่มีวิตามินซีสูงจะพบมากในอาหารประเภทผักและผลไม้ เช่น พริกหวาน มะระขี้นก บรอกโคลี ถั่วลันเตา ผักโขม ฝรั่ง มะนาว ฯลฯ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ จึงส่งผลให้เด็กขาดวิตามินซีมากขึ้น การเลือกรับประทานวิตามินซีเสริมอาหารจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเด็กที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่ส่วนมากผลิตภัณฑ์วิตามินเด็กมักมีการเติมน้ำตาลเพิ่มความหวานเพื่อให้เด็กสามารถรับประทานได้ง่าย แต่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาฟันผุได้หรืออยู่ในรูปแบบเม็ดซึ่งยากต่อการกลืน ดังนั้นการเลือกวิตามินซีสำหรับเด็กจึงควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. เลือกวิตามินซีที่ง่ายต่อการรับประทาน
เนื่องจากเด็กส่วนมากมักปฏิเสธในการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินซีธรรมชาติ โดยพฤติกรรมของเด็กจะชื่นชอบการรับประทานขนมหรือเจลลี่ต่างๆ ที่มีสีสัน กลิ่น และรสชาติชวนรับประทาน การเลือกวิตามินซีสำหรับเด็กจึงแนะนำให้เป็นวิตามินซีแบบเม็ดอม เจลลี่ หรือเด็กโตสามารถรับประทานวิตามินซีแบบชงดื่มพร้อมมื้ออาหารได้ เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานและยังลดความอยากขนมขบเคี้ยวลงได้ด้วย
2. มีปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซีบางชนิด อาจมีส่วนประกอบของวิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid) ในปริมาณน้อย ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อีกทั้งร่างกายของเรายังสามารถดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50-75 % เช่น หากต้องการเสริมวิตามินซีให้ได้ 30 มิลลิกรัม/วัน จะต้องรับประทานวิตามินซี 60 mg. ต่อวัน
3. เลือกวิตามินซีที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
การเลือกซื้อวิตามินซี ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ว่ามีเลข อย. ที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะต้องผ่านมาตรฐาน อย. ผลิตภัณฑ์ต้องไม่หมดอายุและมีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง หากไม่มั่นใจอาจสังเกตสีของวิตามินซีก่อนรับประทาน เพราะโดยปกติวิตามินซีจะมีส้มหรือสีเหลือง แต่หากเก็บรักษาไม่ถูกวิธีหรือหมดอายุอาจเกิดการเสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากความชื้น จึงทำให้เกิดจุดเล็กๆ ขึ้นบนเม็ดวิตามินซี หรือผงวิตามินซีจับตัวกันเป็นก้อน
4. เลือกวิตามินซีที่เหมาะกับสุขภาพของเด็ก สำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและระบบย่อยอาหาร อาจเลือกรับประทานวิตามินซีแบบชงดื่มหรือแบบเม็ดฟู่ที่ละลายน้ำและดื่มได้ทันที เพราะร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายกว่าแบบเม็ดหรือแบบแคปซูล โดยรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
การรับประทาน วิตามินซี (Vitamin C) ที่มีคุณภาพนอกจากจะได้รับประโยชน์ จากวิตามินแล้วยังปลอดภัยต่อสุขภาพของเด็กด้วย ซึ่งการเลือกวิตามินซีสำหรับเด็กควรพิจารณาตามช่วงวัยและรูปแบบของวิตามินเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน โดยรับประทานวิตามินซีเสริมควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย และการดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ไม่เจ็บป่วยง่าย และสามารถเติบโตตามวัยได้อย่างสมบูรณ์