ปัญหาฝ้า (Melasma) เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คน เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย ซึ่งฝ้านั้นเกิดได้ในคนทุกเพศ แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พบบ่อยในคนอายุตั้งแต่ 20 – 40 ปี โดยเฉพาะในคนผิวสองสี หรือ ผิวสีน้ำตาล และมีแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดฝ้าบนใบหน้า หรือ หน้าเป็นฝ้าแดดได้ เพื่อช่วยลดฝ้า กระ และ ฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาสว่างขึ้นได้จากภายใน นอกจากการรักษาด้วยหัตถการ และ ทาครีมบำรุงผิวต่างๆ แล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวดูสว่างขึ้นก็คือ วิตามินลดฝ้า ที่สามารถเลือกรับประทานได้ในชีวิตประจำวัน
วิตามินลดฝ้า คือ กลุ่มวิตามินและสารอาหารที่ช่วยลดการเกิดฝ้า กระ และ จุดด่างดำบนผิวหน้า โดยมักมีคุณสมบัติในการยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้ากระ บนผิวหน้า วิตามินเหล่านี้ มีส่วนช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น และ อาจลดเลือนจุดด่างดำได้ โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญ ได้แก่
ถึงแม้ว่าการรักษาฝ้าบนใบหน้านั้น จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานและต่อเนื่อง แต่ยังมีวิตามินผิวอีกหลายชนิด มีส่วนช่วยในการลดเลือนฝ้าให้ดูจางลง และบำรุงผิวให้กระจ่างใสขึ้นได้ เช่น
1. วิตามินซี
วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น โดยมีคุณสมบัติยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้า นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
2. วิตามินอี
วิตามินอี (Vitamin E) เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกายและการดูแลผิว โดยวิตามินอีมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้วิตามินอียังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวดูสดใสแลดูสุขภาพดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลรักษาฝ้า ลดการอักเสบ และ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า การใช้วิตามินอี ฟื้นบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำได้ดียิ่งขึ้น
3. วิตามินบี 3
วิตามินบี 3 หรือ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) อยู่ในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B-Complex) มีบทบาทสำคัญในการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) และคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีเมลานินไปยังผิวชั้นบน จึงทำให้รอยฝ้า กระ จางลง นอกจากจะพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดต่างๆ แล้ว ยังพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ปลา เมล็ดพืช ถั่ว รวมถึงวิตามินบีรวม หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินบี 3
4. Pycnogenol
Pycnogenol คือ สารสกัดจากเปลือกต้นสนมาริไทม์ฝรั่งเศส (Pinus pinaster) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) มีสารสำคัญอย่างโปรแอนโธไซยานิดิน (Oligomeric Proanthocyanidin Complexes – OPCs) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระแรงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และ แรงกว่าวิตามิน E ถึง 50 เท่า ช่วยลดปริมาณการสร้างเม็ดสี เมลานิน(Melanin) ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า กระทำให้รอยหมองคล้ำ และจุดด่างดำค่อยๆ จางลง อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากรังสียูวีและความเครียด จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดฝ้า กระ และดูแลสุขภาพผิวโดยรวม
5. Dunaliella Salina
สารสกัดจากสาหร่ายไมโครอัลจีชนิดหนึ่ง พบได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มสูง เช่น ทะเลสาบเกลือ และ บ่อระเหยเกลือ สาหร่ายชนิดนี้ มีการผลิตแคโรทีนอยด์ในปริมาณมาก โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี
อ่านต่อ : หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร รักษาอย่างไร
การดูแลผิวหน้าเป็นฝ้านั้นจำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่องและการดูแลผิวหน้าหลายวิธีร่วมกัน ซึ่งการรับประทานวิตามินลดฝ้าที่ถูกต้องจะช่วยส่งเสริมการรักษาฝ้าและฟื้นบำรุงผิวหน้าเป็นฝ้าให้จางลงได้ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม การรักษาฝ้าบนใบหน้าจำเป็นต้องดูแลร่วมกันหลายวิธี ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าและความรุนแรงของฝ้า หากผิวหน้าเป็นฝ้าจนเห็นได้ชัด และส่งผลให้เสียความมั่นใจ อาจเลือกเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังอย่างตรงจุด ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการทาครีมกันแดดทุกวัน หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดหรือมีมลพิษ ควบคู่ไปกับการรักษาความสะอาด บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และรับประทานกลุ่มวิตามินลดฝ้าเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดปัญหาผิวด้านอื่นๆ ที่อาจตามมาได้