การเลเซอร์ผิวหน้าเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งหลังการใช้พลังงานแสงจากเลเซอร์นั้นอาจส่งผลให้ผิวหนังมีความบอบบางกว่าปกติ ระคายเคืองง่าย และไวต่อสิ่งแวดล้อม หลังเลเซอร์หน้าอาจมีข้อห้ามหรือข้อแนะนำในการดูแลผิวหลังเลเซอร์หลายประการ จึงต้องมีการดูแลผิวหนัง ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเพิ่มขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงจำเป็นต้องปกป้องผิวจากแสงแดดมากเป็นพิเศษ
เลเซอร์ (Laser) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงความเข้มสูงในการรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ โดยหลักการทำงานของเลเซอร์นั้นจะส่งพลังงานแสงไปยังผิวหนัง ซึ่งพลังงานแสงนี้จะถูกดูดซับโดยเป้าหมายเฉพาะ เช่น เม็ดสีผิว หลุมสิว รอยสัก หรือเซลล์ขน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ส่งผลต่อเซลล์ผิวหนังเหล่านั้น โดยการทำงานของเลเซอร์มีหลักๆ ดังนี้
เทคนิคการทำเลเซอร์ในปัจจุบันมีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์หน้า เลเซอร์กระหรือจุดด่างดำ เลเซอร์สิว เลเซอร์ขน ตลอดจนเลเซอร์ยกกระชับผิว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการทำเลเซอร์ โดยสามารถแบ่งประเภทของเลเซอร์ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. เลเซอร์แบบไม่มีแผล
การเลเซอร์แบบไม่มีแผล (Non-ablative Laser) คือ กลุ่มเลเซอร์ที่ไม่มีแผลหลังการรักษาหรืออาจมีรอยแดงเล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายในเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที เช่น การเลเซอร์กระตุ้นสร้างคอลลาเจน เพื่อให้เกิดการสร้างใหม่ทำให้เกิดการฟื้นฟูสภาพผิวด้วยตัวเอง การยกกระชับผิว กระชับริ้วรอย ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น เลเซอร์กำจัดขน และ เลเซอร์ลบรอยแดงผิวที่ไม่มีบาดแผลหลังทำด้วยเช่นกัน
2. เลเซอร์แบบมีแผล
เลเซอร์แบบมีแผล (Fractional Ablative Laser) เป็นการใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งอาจต้องดูแลผิวหลังเลเซอร์มากกว่าเลเซอร์แบบไม่มีแผล เนื่องจากหลังการรักษาจะเกิดแผลและการตกสะเก็ด เช่น เลเซอร์ CO2 , Fractional, IPL, Pico laser เป็นต้น
หลังจากการทำเลเซอร์ ผิวมักมีความอ่อนแอและบอบบางลง เนื่องจากชั้นบนของผิวถูกกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ใหม่ บางครั้งอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อย รวมถึงอาจมีผิวแห้งหรือลอก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ผิวกำลังฟื้นฟู จึงอาจทำให้ความชุ่มชื้นของผิวลดลง ผิวไวต่อแสงและระคายเคืองได้ง่าย เช่น
การดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากเลเซอร์อาจส่งผลต่อโครงสร้างผิวหนังและทำให้ผิวอยู่ในสภาวะบอบบาง การปฏิบัติตามวิธีการดูแลผิวหลังเลเซอร์ที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการอักเสบ ลดโอกาสการติดเชื้อ และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเน้นการบำรุงผิวด้วยความชุ่มชื้นและป้องกันแสงแดดอยู่เสมอ ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
เนื่องจากหลังทำเลเซอร์ ผิวหนังจะมีความไวต่อแสงมากขึ้น การสัมผัสแสงแดดโดยตรงอาจทำให้เกิดรอยแดง ผิวคล้ำ และเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าหรือกระเพิ่มขึ้นได้ จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังทำเลเซอร์ หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้ใช้ร่มหรือหมวกกันแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป โดยเลือกใช้สูตรที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม และเหมาะสำหรับผิวบอบบางโดยเฉพาะ
2. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
เนื่องจากหลังเลเซอร์ผิวจะมีความไวต่อแสงแดดสูง ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี แนะนำให้ทาครีมกันแดดทุกเช้าและทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
3. ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
หลังทำเลเซอร์ ควรดูแลผิวด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน หรือเมื่อรู้สึกว่าผิวแห้ง เพราะหลังจากทำเลเซอร์ผิวมักจะแห้งและลอกได้ง่าย การใช้มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยเติมความชุ่มชื้นและช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิวได้นานขึ้น จึงช่วยลดอาการระคายเคืองผิว รวมถึงช่วยให้ผิวแข็งแรงและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
4. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
การดูแลผิวหลังเลเซอร์สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน โดยการดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวฟื้นฟูตัวได้เร็วและแข็งแรงมากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูผิว
ผิวที่ผ่านการเลเซอร์มักมีความบอบบางและต้องการการดูแลที่มากขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกัดกร่อนหรือมีความเป็นกรด เช่น กรดผลไม้ (AHA) หรือ กรดซาลิไซลิก (BHA) เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย รวมถึงหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรงๆ หรือ สครับผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสูตรอ่อนโยนและล้างหน้าอย่างนุ่มนวลด้วยน้ำสะอาด
6. งดแต่งหน้าชั่วคราว
หลังทำเลเซอร์ ควรปล่อยให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ โดยหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 3-7 วันหลังทำเลเซอร์ แต่หากจำเป็นต้องแต่งหน้าให้เลือกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำหอม สารกันเสีย และเหมาะสำหรับผิวบอบบาง
7. งดออกกำลังกายหนักและอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิสูง การออกกำลังกายหนักหรือการไปห้องซาวน่าอาจทำให้ร่างกายเกิดความร้อน ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและมีโอกาสติดเชื้อได้ จึงควรงดการออกกำลังกายหนักและการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและปัญหาที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ
8. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า
หลังทำเลเซอร์แล้วระยะหนึ่ง แผลเลเซอร์จะเริ่มตกสะเก็ด หลายคนมักพยายามดึงสะเก็ดผิวออก ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ หรือ ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสผิวหน้า และปล่อยให้สะเก็ดผิวหลุดเองตามธรรมชาติ ซึ่งปกติแล้วสะเก็ดผิวจะหลุดได้เองภายใน 7 – 14 วัน
นอกจากนี้ หลังทำเลเซอร์ ควรงดการทำทรีตเมนท์และเลเซอร์อื่นๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ หากรู้สึกระคายเคือง หรือ แสบร้อน สามารถประคบเย็นหลังการทำเลเซอร์ได้ โดยหลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณทำเลเซอร์อย่างน้อย 24-48 ชม. และ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา
อาหารที่ควรรับประทานหลังการทำเลเซอร์ ควรเป็นอาหารที่ช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ได้แก่
อ่านต่อ : หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร รักษาอย่างไร
หลังเลเซอร์หน้า อาจมีอาหารบางประเภทที่ห้ามรับประทานหรือให้งดรับประทานชั่วคราว เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่และป้องกันผิวอักเสบ เช่น
หลังจากการทำเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์หน้า เลเซอร์ขน เลเซอร์ยกกระชับ ฯลฯ ควรมีการดูแลผิวหลังเลเซอร์ที่ถูกต้อง นอกจากการหลีกเลี่ยงแสงแดดและงดเว้นการรับประทานอาหารบางประเภทแล้ว ยังควรบำรุงผิวจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อการเสริมสร้างเซลล์ผิวด้วย เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส วิตามินและแร่ธาตุจากผักและผลไม้ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปราศจากสารที่อาจก่อการระคายเคืองและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนังอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวหลังจากการทำเลเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น